“ส.ว.คำนูณ” หนุนรัฐออก พ.ร.บ.โยกงบ 63 จำนวน 10% มากองไว้ในงบกลางเพื่อใช้แก้ปัญหาโควิด-19 ชี้งบหลายส่วนไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเฉพาะงบอบรมสัมมนาและดูงานต่างประเทศ
วันนี้ (31 มี.ค.) นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะออกกฎหมายโอนงบประมาณ 10% ของงบประมาณปี 2563 ที่เหลืออยู่จากทุกหน่วยมาไว้ที่งบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการ ‘เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น’ เพื่อรับมือวิกฤต COVID-19 ว่าขอสนับสนุนแนวทางนี้ของรัฐบาล เพราะขณะนี้งบกลางจำนวน 96,000 ล้านบาท ถูกใช้จ่ายในการดูแลผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19 ไปแล้วจำนวนมาก และยังมีค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ อีก ในขณะที่งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในปัจจุบันจัดทำมาตั้งแต่กลางปี 2562 มีบางส่วนไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยบางส่วนไม่สามารถใช้จ่ายได้ หรือบางส่วนใช้จ่ายไม่ทัน โดยเฉพาะงบประมาณในส่วนของการอบรมสัมมนา การเดินทางไปดูงานต่างประเทศ จึงควรจัดสรรเงินในส่วนที่ไม่ได้ใช้จ่ายดังกล่าวมากองไว้ที่งบสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อรับมือกับโควิด-19 และกรณีนี้ถือว่าเข้าเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 สามารถออกเป็นพระราชกำหนดโยกงบประมาณได้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์
“เห็นว่าเป็นแนวทางแรกที่จะได้เงินมาเร็วที่สุด เพราะเป็นเงินงบประมาณอยู่แล้ว เพียงแต่เอามาใช้ให้ถูกที่ถูกทาง ซึ่งไม่ออกเป็นกฎหมายแล้วก็สามารถจะตัดมาใช้ได้เลย เช่น งบบริหารราชการของหน่วยงานที่จะไปดูงานต่างประเทศ การจัดอบรมสัมมนา หรือเบี้ยประชุมต่างๆ ซึ่งไม่ได้ทำอย่างน้อย 3 เดือน เพราะไม่มีทางเดินทางไปไหนได้อยู่แล้ว ก็เอาออกมาจากหมวดนั้นโอนย้ายมาที่งบกลาง ใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เมื่อเอามากองอยู่ตรงนี้ท่านนายกรัฐมนตรีก็สามารถนำมาใช้ได้เลย จะซื้อหน้ากาก จะจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม หรือจะเยียวยาอะไรก็สามารถทำได้เลย” นายคำนูณกล่าว
นายคำนูณกล่าวว่า หากเงินงบประมาณในส่วนนี้ยังไม่พอเพียง ยังมีอีกทางเลือก คือ เงินในกองทุนสำรองตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ ซึ่งในมาตรา 45 บัญญัติไว้ว่า ในกรณีที่จำเป็นในการใช้บริหารราชการแผ่นดิน และงบกลางในการใช้สำรองจ่ายฉุกเฉิน หรือจำเป็นไม่เพียงพอ คณะรัฐมนตรีก็สามารถมีมติออกมาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำเงินกองทุนในส่วนนี้ออกมาใช้ได้ ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 50,000 ล้านบาท แต่มีข้อเสียว่าเมื่อนำออกมาใช้แล้วจะต้องไปตั้งจ่ายคืนในปีงบประมาณถัดไป อาจทำให้งบประมาณปี 2564 ต้องลดลง หรืออีกทางคือ การออกเป็นพระราชกำหนดอนุญาตให้กระทรวงการคลังกู้เงินมาเพื่อใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาวิกฤตนี้ แต่เห็นว่าน่าจะเป็นทางสุดท้ายที่จะดำเนินการ