โฆษก ศบค.เผยยอดผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 143 คน เสียชีวิตอีก 1 ยอดสะสม 1388 ราย ชี้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้ผลหรือไม่รอดู 7 วันหลังประกาศใช้ เตือน ปชช.อย่าหลงเชื่อเว็บปลอมเราไม่ทิ้งกัน คลังยันเข้าเกณฑ์ได้เงินเยียวยาแน่ ขู่ฟันฉวยโอกาสหักหัวคิว
วันนี้ (29 มี.ค.) เวลา 11.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. ขอบคุณประชาชน เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ ศบค. ทุกคนที่ทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อย สื่อมวลชนและประชาชนที่เผยแพร่ข้อความสร้างสรรค์ผ่านโซเชียลมีเดีย นอกจากนี้ นายกฯ เน้นย้ำว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ใครปฏิบัติไม่ถูกต้องจะมีการลงโทษเด็ดขาด โดยการประชุมกลุ่มเล็กที่มีนายกฯ เป็นประธานวันเดียวกันนี้ ได้ให้ความสำคัญเรื่องตัวเลข ข้อมูลให้ สธ.รายงานเป็นไทม์ไลน์ เพื่อนำมาวิเคราะห์ออกมาตรการแก้ปัญหา และให้แต่ละจังหวัดรวบรวมรายงานและข้อกำหนดที่จังหวัดออกมา เพื่อนำมาสื่อสารให้ประชาชนปฏิบัติตาม รวมถึงกำชับเรื่องการหาหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ประชาชนมีใช้อย่างเพียงพอ
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โควิด-19 วันเดียวกันนี้ มีคนติดเชื้อทั้งโลกแล้ว 645,158 ราย และเสียชีวิต 29,951 ราย ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 143 ราย ยอดสะสม 1,388 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย โดยเป็นชายไทยอายุ 68 ปี ชาว จ.นนทบุรี ติดเชื้อมาจากสนามมวย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ป่วยวัยทำงานที่สูงขึ้นนั้น เป็นเพราะประชาชนตื่นตัวและเข้ารับการตรวจมากขึ้น ไม่ได้มีการปิดบังตัวเลขแต่อย่างไร ทั้งนี้ การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมาเป็นผลดีหรือไม่ ตัวเลขจะสะท้อนออกมาหลังประกาศไปแล้ว 5-7 วัน
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า สำหรับการลงทะเบียนรับเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 5,000 บาท ที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคมนั้น ในเวลา 18.00 น.ของวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกที่เริ่มให้ลงทะเบียนนั้น มีประชาชนลงทะเบียนพร้อมกันจำนวนมากกว่า 20 ล้านคน จนไม่สามารถรับข้อมูลได้ทัน ทำให้ระบบล่มไปในช่วงหนึ่ง ก่อนจะใช้เวลาแก้ไขได้ใน 2 ชั่วโมง ล่าสุดมีผู้ลงทะเบียนได้แล้ว 12 ล้านคน ถือเป็นครั้งแรกของไทยที่มีการลงทะเบียนได้มากในเวลารวดเร็ว อย่างไรก็ตาม พบว่ามีผู้ลอกเลียนแบบใช้ชื่อเว็บไซต์เราไม่ทิ้งกันถึง 44 เว็บไซต์ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและเข้าไปลงทะเบียน โดยคนกลุ่มนี้หวังนำข้อมูลประชาชนไปใช้ประโยชน์ เราถือว่าเป็นเจตนาไม่ดี ขอให้ประชาชนระมัดระวัง โดยเว็บไซต์จริงของกระทรวงการคลัง คือ www.เราไม่ทิ้งกัน.com เมื่อลงทะเบียนจะได้รับข้อความตอบรับ ซึ่งนายกฯ เน้นย้ำว่าหน่วยงานภาครัฐจะต้องทุ่มเทสรรพกำลังช่วยประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ซึ่งประชาชนจะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนอย่างเร็ว 7 วันทำการ
นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า นายกฯยังระบุว่าเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นแล้วยังมีความห่วงและกังวล ดังนั้น มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมจะต้องมีมาตรการที่เฉพาะเจาจะจงลงไป โดยสั่งการให้กระทวงมหาดไทยแจ้งมาว่าแต่ละแห่งมีมาตรการอย่างไร และให้รายงานต่อนายกฯ โดยตรงทุกวัน ซึ่งขณะนี้ทุกพื้นที่เข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการประกาศห้ามเดินทางเข้าออก ยกเว้นต้องการรักษาพยาบาล การขนส่งสินค้า หากใครฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ที่รัฐบาลต้องทำแบบนี้เพื่อท่านเอง อาจเสียความสะดวกสบายไปบ้าง แต่อดทนสักนิด ทุกอย่างจะกลับคืนกลับมาเหมือนเดิม และขอย้ำว่ารวมกันติดหมู่ แยกกันอยู่เรารอด
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะกระทรวงโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วันเดียวกันนี้ มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 13.9 ล้านคน ระบบมีความเสถียรแล้ว สามารถรองรับได้ทุกคน ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ลงทะเบียนได้แล้วจะได้รับเงินเยียวยาทันที จะต้องมีการคัดกรองคุณสมบัติให้ครบถ้วนก่อน ส่วนผลออกมาแล้วจะมีผู้ลงทะเบียนได้รับเงินเยียวยากี่คนนั้น ขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะเยียวยาครบทุกคน ส่วนกลุ่มนักศึกษาที่ทำงานพาร์ทไทม์นั้น จะไม่ได้รับเงินเยียวยาส่วนนี้ เพราะยังมีสถานะเป็นนักศึกษา ไม่ใช่คนทำงานจึงไม่เข้าเกณฑ์ ยืนยันว่าผู้ที่ผ่านการคัดกรองไม่ว่าจะกี่ล้านคน ถ้าคุณสมบัติครบถ้วนจะได้รับเงินเยียวยาทุกคน
นายลวรณกล่าวต่อว่า ช่องทางลงทะเบียนจะใช้ช่องทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้คนออกจากบ้าน หากใครรับลงทะเบียนโดยเรียกรับหัวคิวถือว่าผิดกฎหมาย เป็นการฉ้อโกง เราจะมีการติดตามอย่างใกล้ชิด หากพบจะดำเนินคดีทันที มีโทษทั้งจำทั้งปรับ ประชาชนเดือดร้อนอย่าไปซ้ำเติมกัน