จับเถอะครับ! “ดร.นิว” แฉสื่อใหญ่ระดับ “คุณภาพ” เฟกนิวส์เสียเอง ผู้ว่าฯเมืองช้างโดนด้วย “คลิปข่าวปลอม”

“ดร.นิว” แฉสื่อคุณภาพ “จงใจ” หรือแปลข่าวผิด กรณี คอเนอร์ แมคเกรเกอร์ “ด่าสนามบินไทย” ขณะผู้ว่าฯเมืองช้าง ก็โดน “คลิปข่าวปลอม” เล่นงานว่อนโซเชียล กรณีแถลงข่าวคนสุรินทร์ ติดเชื้อโควิด-19 นับแสนคน จนต้องออกมาประณามและแจ้งความเอาผิด

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (27 มี.ค. 63) เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์หัวข้อ “จับเถอะครับ”

โดยระบุว่า “คอเนอร์ แมคเกรเกอร์ นักศิลปะการต่อสู้ชาวไอริช แชตคุย รมต.คลัง ปาสชาล โดโนฮู จวกมาตรการณ์รับมือโควิด-19 ของไอร์แลนด์ ไม่ได้มาตรฐาน รวมทั้งสนามบินที่ไม่มีการป้องกันและคัดกรอง และจี้ให้รัฐบาลไอร์แลนด์แก้ไขโดยด่วน

แต่ (สื่อคุณภาพ) ดันไปแปลข่าวว่า แมคเกรเกอร์ ด่าสนามบินไทย!!!??

เพราะเนื้อหาส่วนหนึ่ง แมคเกรเกอร์ เล่าว่า มีเพื่อนที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศไทย และได้รับแผ่นพับโควิด-19 จากเจ้าหน้าที่สนามบิน (ที่ไอร์แลนด์) ที่ไม่สวมมาสก์และถุงมือป้องกัน แถมยังให้เดินผ่านประตูเข้าไอร์แลนด์ได้ง่ายดาย

คนแปลข่าวเห็นเป็น ไทยแลนด์ๆ ปุ๊บ เลือดชังชาติก็ขึ้นหน้า รีบใช้วิชามโนแปลงสาร ว่า เพื่อนของแมคเกรเกอร์ รับแผ่นพับที่สนามบินไทย ซะงั้น

มันตลกตรงที่ ถ้าอ่านแชตรวมทั้งหมด จะรู้โดยไม่ยากว่า แมคเกรเกอร์ บ่นเรื่องในไอร์แลนด์ล้วนๆ และจี้ให้ รมต.ไปแก้ไขซะ ถ้าทีมแปลข่าวของ (สื่อคุณภาพ) ขยันหน่อย ได้อ่านครบถ้วน ก็จะไม่มีทางแปลผิดแน่นอน

งานนี้ไม่รู้ว่า จงใจบิดข่าว หรืออาจจะ โง่จริงจัง

ก็ให้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำนายกัน”

ที่น่าสนใจไปกว่านั้น ยังมีการสร้างข่าวปลอมด้วยการตัดต่อคลิป ภาพและเสียง นายไกรสอน กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และส่งต่อในโซเชียล พร้อมข้อความอ้างว่า

“ความจริงปรากฏแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดแล้วจังหวัดสุรินทร์ ติดเชื้อเป็นแสนราย อาการหนักอยู่ห้องไอซียู 5 พันคน ไม่แสดงอาการ 8 หมื่นคน และอยู่โรงพยาบาลอีกนับแสน”

จน นายไกรสอน ต้องเปิดแถลงข่าวชี้แจงว่า เป็นคลิปวิดีโอที่นำมาเผยแพร่เป็นตนเองจริง แต่ถูกตัดต่อ ถ้าฟังตั้งแต่ต้น ตนเอาข้อมูลการคาดการณ์ขั้นสูงสุดของนักวิชาการมาอธิบายให้ฟังว่า


หากทุกคนไม่ช่วยกัน โดยเอาตัวเลขของอู่ฮั่นมาเปรียบเทียบ คนสุรินทร์มีประมาณ 1.3 ล้านคน จะพบว่ามีคนติดเชื้อประมาณ 100,000 คน โดย 80,000 คน มีอาการเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้านได้ 15,000 คน ต้องไปนอนโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการ แต่ 5,000 คน จะเป็นคนป่วยหนักที่ต้องเข้าไอซียู ต้องพึ่งเครื่องช่วยหายใจ

ดังนั้น วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ชาวสุรินทร์ต้องออกมาช่วยกัน เพื่อไม่ให้มันเดินถึงจุดนั้น นี่คือ ภาพรวมที่ตนได้แถลงออกมาในวันนั้น แล้วปรากฏว่า มีผู้ไม่หวังดีมาดึงเอาจากเพจของประชาสัมพันธ์จังหวัดออกไปตัดต่อ เพื่อสร้างข่าวปลอม ทำคนเข้าใจผิดตน และขอประณามการกระทำเช่นนี้ ตนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ยืนยันว่า ขณะนี้จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวม 5 ราย...

นอกจากนี้ พูดถึง คนที่ฉวยโอกาส เล่นเกมการเมือง ทั้งที่บ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์วิกฤต เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 63 นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เคยออกมาแฉอย่างชัดแจ้งว่าใครบ้าง

โดยกล่าวว่า “คนคิดทำดีเราก็ต้องชมเชย แม้แต่รัฐบาลจีนได้จัดส่งเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ต่างๆ จำนวนมากมาช่วยรัฐบาลมาช่วยคนไทย ยิ่งเราเป็นคนไทยยิ่งต้องรักกันห่วงใยกัน ไม่ใช่มาคอยทำลายล้างกัน

ผมขอชื่นชมพี่น้องคนไทยที่เสียสละ ที่อุทิศตนเป็นจิตอาสา ไม่ว่าจะช่วยกันทำหน้ากากผ้าอนามัย ทำเจลล้างมือ บริจาคเงินให้โรงพยาบาล แม้กระทั่งทำกับข้าวแจกจ่ายฟรีทุกหนทุกแห่งทั่วประเทศไทย ซึ่งยังมีผู้มีจิตใจงดงามเสียสละมากๆ ขึ้นทุกวัน หัวใจที่ยิ่งใหญ่ คือ พลังของคนไทยที่กล้าแกร่ง ในยามที่คนไทยทุกคนกำลังประสบภัยจากไวรัสร้ายที่กำลังคุกคามชีวิตพี่น้องประชาชน

แต่วันนี้ ยังมีคนวิตกจริต คิดจะเกาะกระแสไวรัสโควิด-19 เพื่อตีกินทางการเมือง ผมขอเอ่ยชื่อเพื่อให้สังคมและพี่น้องคนไทยได้จดจำชื่อไว้และตรวจสอบพฤติกรรม ดังนี้ครับ

จากพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย 1. นายวัฒนา เมืองสุข 2. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ 3. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด, พรรคก้าวไกล 4. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์, พรรคประชาชาติ 5. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง และคนไร้พรรค 6. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 7. นายปิยบุตร แสงกนกกุล 8. น.ส.พรรณิการ์ วานิช นี่คือ ตัวอย่างรายชื่อที่ผมขอให้พี่น้องจับตามองดู

ไม่ว่ารัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะมีมาตรการอะไรออกมาก็ตาม แม้แต่การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกมา คนเหล่านี้ก็ไม่ยอมหยุดพูด เพื่อชาติ”....

เห็นได้ชัดว่า “ตัวป่วน” ในสังคมไทย มีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ทั้งยังป่วนไม่เลือกที่ ไม่เลือกเวลา และสถานการณ์ ไม่มีกาลเทศะ ถ้าเป็นแค่พวกมือไม่สุก หรือ จิตวิปริตเท่านั้น ก็คงไม่มากขนาดนี้ แต่นี่เหมือนเป็นขบวนการ ก็นับว่าน่าจัดการให้เด็ดขาดเสียที หรือ สังคมไทยก็ต้องรู้เอาไว้ว่า ใครที่หวังดีกับสังคมไทย เห็นได้ชัดก็ในยามวิกฤตนี้เอง