นายกฯ เข้าทำเนียบ จับตายกระดับเข้มสูงสุดสกัดโควิด-19 เผย เตรียมห้องเพื่อประชุม ครม.ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ให้ รมต. อยู่กระทรวงตัวเอง ส่วนเจ้าหน้าที่เล็งแบ่ง 50% ทำงานที่บ้าน
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 10.40 น. ซึ่งเป็นเวลาช้ากว่าปกติที่จะเข้าทำเนียบในเวลาประมาณ 09.00 น. โดยในวันนี้นายกฯ นัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมศูนย์ใหญ่โควิด-19 บ่ายนี้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยต้องจับตามาตรการรับมือเพิ่มเติม หลังจากมาตราการปิดสถานที่เสี่ยงทั่วกรุงเทพฯ เป็นเวลา 22 วัน แต่กลับมีคนเดินทางออกต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ต้องจับตาดูว่ารัฐบาลจะตัดสินใจใช้มาตราการขั้นสูงสุด โดยการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อยกระดับการป้องกันแพร่ระบาดโควิด-19 หรือไม่
ทั้งนี้ ทางบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือศูนย์โควิด 19 ทำเนียบรัฐบาล ได้สรุปผลดำเนินการตามมาตรการทั้ง 6 ด้าน โดยเฉพาะการรับข้อคิดเห็นจากประชาชน เกี่ยวกับมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาด ทางสายด่วน 1111 โดยยังคงติดต่อเข้ามาเพื่อสอบถามข้อมูล เรื่องแนวทางการปฎิบัติการป้องกันโรค มากที่สุด รองลงมาคือ การสอบถามมาตรการช่วยเหลือด้านต่างๆ เช่น การช่วยเหลือด้านการเงิน สิทธิในการตรวจรักษา การกระจายหน้ากากอนามัย และสถานการณ์ของโลก พร้อมส่งเรื่องไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้องรับ และยังมีประชาชน เสนอข้อเกี่ยวเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดโควิด เช่นเดียวกับการรับเรื่องร้องเรียนที่ส่วนใหญ่เป็นการร้องเรียนเกี่ยวกับกิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบ รองลงมา คือ ข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการดูแลการเยียวยาการให้ความช่วยเหลือ มาตรการการคัดกรอง ขณะเดียวกัน ยังรับการแจ้งเหตุการพบเห็นสถานประกอบการบางแห่ง ไม่ปิดให้บริการตามประกาศ หรือการพบเห็นบุคคลที่เข้าข่ายไม่ทำตามมาตรหารกักกัน ซึ่งส่วนนี้ได้ประสานข้อมูลกับ กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินแก้ปัญหา
ทั้งนี้ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 5-22 มี.ค.ได้รับเรื่องร้องทุกข์ และข้อคิดเห็นประชาชนทั้งสิ้น 17,897 เรื่อง ยุติแล้ว 17,629 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการของหน่วยงาน 268 เรื่อง ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลสอบถามรายละเอียดต่างๆ เข้ามาได้ ที่ 0-2288-6070-4 และสายด่วน 1111
อย่างไรก็ตามวันพรุ่งนี้ (24 มี.ค.) ซึ่งเป็นการประชุมครม. มีความเป็นไปได้ที่จะมีการประชุมครม.ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งขณะนี้ทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้จัดเตรียมห้องที่จะใช้ประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไว้แล้ว โดยนายกฯ จะนั่งอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า ขณะที่รองนายกฯและรมต.ประจำสำนักนายกฯที่มีห้องทำงานอยู่ในทำเนียบฯ จะใช้ห้องประชุม 301 ร่วมประชุม ส่วนเลขาฯ ครม.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จะประจำอยู่ที่ตึก สลค.
ทั้งนี้ในส่วนของนายกฯ อยู่ระหว่างการหารือว่าจะให้รองนายกฯท่านใดไปนั่งร่วมห้องเดียวกับนายกฯบ้าง ซึ่งจะมีการพิจารณาตามความจำเป็น ส่วนรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง จะให้ประชุมตามกระทรวงตัวเอง ซึ่งทุกกระทรวงได้มีการติดตั้งระบบคอนเฟอเรนซ์ไว้เรียบร้อยแล้ว
สำหรับการแถลงข่าวภายหลังการประชุมครม.นั้น นายกฯและทีมงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาว่าจะใช้รูปแบบไหน แต่ทั้งนี้ได้มีการเตรียมห้องโถงตึกสันติไมตรีไว้ กรณีที่นายกฯจะแถลงด้วยตัวเอง จะไม่ใช้ตึกบัญชาการ เนื่องจากคับแคบและแออัดเกินไป เพราะมีสื่อและเจ้าหน้าที่จำนวนมาก
ส่วนเจ้าหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล มีรายงานว่ากำลังมีการพิจารณาแบ่งเจ้าหน้าที่เป็น 2 ส่วนคือส่วนหนึ่งประมาณ 50 % ทำงานที่บ้าน ส่วนอีก 50 % ทำงานที่ทำเนียบเหมือนเดิม แต่จะใช้วิธีให้ทำงานเหลื่อมเวลากัน ทั้งนี้จะรอความชัดเจนอีกครั้งในสัปดาห์นี้