พรรคกล้า แนะประคองเงินหมุน เติมกระแสเงินสดในระบบสู้โควิด จี้รัฐช่วยตัวเล็ก

แกนนำพรรคกล้า แถลงหลังรับฟังผลกระทบโควิด-19 เสนอ 4 หลักคิดสู้วิกฤตโควิด งัดระบบประคองเงินหมุน เติมกระแสเงินสดในระบบ ชุบชีวิตธุรกิจขนาดเล็ก อัด รบ.เร่งช่วยแค่คนตัวโต จี้ต้องเร่งช่วยคนตัวเล็กก่อนที่จะตายกันหมด

วันนี้ (13 มี.ค.) ที่ตลาดคลองเตย นายกรณ์ จาติกวณิช ว่าที่หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมแกนนำพรรคกล้า ร่วมกันแถลงนำเสนอมาตรการเร่งด่วนในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจากกรณีโรคโควิด-19 โดย นายกรณ์ กล่าวว่า จากการที่ตนและทีม “กล้า” ได้เข้าพบตัวแทนจากกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) กลุ่มผู้ค้า และแรงงานรับจ้าง เพื่อรับฟังข้อมูลและเสียงสะท้อนถึงความเดือดร้อน รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจ พบว่า มาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาลเน้นตอบโจทย์กลุ่มคนตัวโต และยังไม่มีผลเท่าที่ควรกับผู้ค้ารายเล็ก ดังนั้น รัฐบาลต้องพุ่งเป้าดูแลผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนให้ครบทุกกลุ่ม และต้องเริ่มจากคนเจ็บหนักที่สุดทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจเอสเอ็มอีรายเล็ก ผู้ค้ารายย่อย ธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหาร ผู้ค้าหาบเร่ แรงงานภาคบริการ และคนรับจ้าง

“จากประสบการณ์ย้อนไปปี 2553 ไทยเราฟื้นจากวิกฤตเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ได้ทันท่วงที ก็เพราะระบบการบริหารจัดการที่เข้าเป้า คือ การประคองเงินหมุน ต่อทุนคนทำงาน ระงับพิษโควิด พลิกวิกฤตเป็นโอกาส” นายกรณ์ กล่าว

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ พวกตนขอนำเสนอหลักคิดมาตรการ ดังนี้ 1. มาตรการประคองเงินหมุนที่เป็นการเติมกระแสเงินสดในระบบ ทั้งการให้ธนาคารรัฐและเอกชนช่วยรับภาระดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการ ในวงเงินดอกเบี้ยไม่เกิน 30,000 บาท ระยะเวลา 3 เดือน รวมถึงให้ธนาคารออมสิน ปล่อยกู้โดยตรงแก่กิจการขนาดเล็กและผู้ค้ารายย่อย วงเงิน 50,000 บาท ดอกเบี้ย 1 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน 2. มาตรการต่อทุนคนทำงาน ทั้งการให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมแทนนายจ้างและลูกจ้าง เป็นเวลา 6 เดือน อีกทั้งให้มีการลดภาษีเงินได้ส่วนบุคคลในส่วนของรอบปี 2562 ทันที 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งกรมสรรพากรสามารถคำนวณคืนย้อนหลังได้จากระบบ และให้นำค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการดูแลตัวเองจากโรคนี้ไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งกรณีบุคคลธรรมดา 15,000 บาท นิติบุคคล 50,000 บาท รวมถึงให้มีการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ รายละ 50,000 บาท สำหรับกลุ่มแรงงานนอกระบบและพ่อค้าแม่ค้า

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า 3. มาตรการระงับพิษโควิด โดยให้รัฐบาลเร่งบูรณาการทำทุกวิถีทางเพื่อลดอัตราผู้ติดเชื้อเพิ่ม และ 4. มาตรการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส โดยภาครัฐต้องสนับสนุนการค้าออนไลน์และการให้บริการจากภาครัฐโดยใช้เทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวก การลดค่าส่งไปรษณีย์ 50 เปอร์เซ็นต์ทันที พร้อมเจรจาบริษัทโลจิสติกส์ และต้องเปิดแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ที่ใช้ง่าย และส่งสินค้าจำเป็นได้สะดวก จากหลักคิดและมาตรการด่วนทั้งหมดนี้ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลทำเรื่องหลักที่สำคัญจำเป็นเร่งด่วนแก่คนตัวเล็กที่เดือดร้อนที่สุดก่อน โดยเรียกร้องให้เร่งทำทันทีก่อนที่พวกเราจะตายกันหมด