นายกสมาคมผู้สื่อข่าวฯ นำเอกชนร้องผู้ตรวจฯ ตรวจสอบโครงการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียของโรงพยาบาลวังน้อย หลังถูกสาธารณสุขจังหวัดยื้อการแก้ไขปัญหา และยกเลิกสัญญาเพื่อหวังเงินค่าเสียหาย 30 ล้าน
วันนี้ (12 มี.ค.) นายคฑาภณ สนธิจิตร นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชน (ประเทศไทย) พร้อมด้วยเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตประพฤติมิชอบแห่งชาติ นำ น.ส.รัตน์ อ่องละออ ผู้บริหารบริษัท กลุ่มกิจการร่วมค้าภูมิชนก-เคมิคอลไดนามิคส์วังน้อย ในฐานะผู้รับเหมาก่อสร้าง เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีถูกสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยกเลิกสัญญาจ้างแบบไม่เป็นธรรมและส่อไปในทางทุจริตในโครงการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียของโรงพยาบาลวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวงเงินก่อสร้างกว่า 15 ล้านบาท โดยมีนายปิยะ ลือเดชกุล ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน เป็นผู้รับเรื่อง
นายคฑาภณกล่าวว่า กลุ่มกิจการร่วมค้าภูมิชนก-เคมิคอลไดนามิคส์วังน้อย ได้ทำสัญญารับทำโครงการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียของโรงพยาบาลวังน้อย เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2556 แต่เมื่อเข้าไปดำเนินการได้ผิดไปจากสัญญาที่ตกลงกันไว้ เช่น ถนนของโรงพยาบาลต่ำว่าที่สัญญาระบุ และเมื่อแจ้งให้สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยาปรับปรุง ก็ให้รอ 60 วัน ทำให้เสียเวลาในการดำเนินการ และทางโรงพยาบาลให้รื้อแผลคอนกรีตริมรั้ว ก็มาพบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณะที่ไม่ได้มีการแจ้งในสัญญา เมื่อแจ้งให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวังน้อยทราบก็บ่ายเบี่ยงโดยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแต่เรื่องก้ไมได้ข้อยุติ
ทั้งนี้ แม้จะมีการแจ้งเรื่องดังกล่าวที่สำนักงานปลัดนายกฯ และสำนักงานปลัดนายกฯ มอบให้ศูนย์ดำรงธรรมอยุธยาดำเนินการ ซึ่งก็ให้สำนักอัยการคุ้มครองสิทธิจังหวัดอยุธยา สั่งให้สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปดำเนินการปรับปรุงแก้ไขสัญญาให้เป็นความจริงและถูกต้อง แต่สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รับเรื่องไว้และยื้อเวลาจนหมดเวลา และให้ทางบริษัทฯ ชดใช้ค่าเสียหาย 30 ล้านบาท ทั้งที่ทางบริษัทได้ประสานและแจ้งถึงอุปสรรคในการดำเนินการโดยตลอด และมีการตั้งกรรมการขึ้นมาแต่ก็ไม่มีการตัดสินใดๆ เพื่อที่จะยื้อเวลา ซึ่งการเจรจากับสาธารณสุขจังหวัดมีคลิปเป็นหลักฐาน ได้พยายามต่อสู้มาตั้งปี 2557 มีการร้องหน่วยงานต่างในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่เรื่องก็ไม่คืบหน้า จนต้องมาร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมทั้งมองว่าการพยายามยื้อเวลาก็เพื่อต้องการค่าปรับกว่า 30 ล้านบาท
น.ส.รัตน์ ในฐานะตัวแทนบริษัทฯ กล่าวว่าในระหว่าง 5 ปีที่เกิดเหตุ และมีการร้องเรียนจากเหตุที่เกิดขึ้น คิดว่าในระบบราชการในพักงานให้ยุติไม่ได้เกิดจากเรา พยายามจะทำให้เกิดการแก้สัญญาและแก้ปัญหาแต่สาธารณสุขจังหวัดก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด ทางบริษัทเดือดร้อนเนื่องจากในการลงทุนต้องกู้เงินจากธนาคาร และมีดอกเบี้ยเกิดขึ้นและเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทและครอบครัวได้รับความเสียหาย ซึ่งตลอด 5 ปีที่พยายามบ่ายเบี่ยง ไม่รู้ว่าจะมาเอาเงินค่าปรับ 30 ล้านบาทจากเราหรือไม่