อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ชี้ การฆ่าตัวตายของ “คณากร เพียรชนะ” คือ ภาพสะท้อนความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ละเลยผู้เรียกร้องความยุติธรรม ปลุกสังคมรณรงค์แก้ไขปรับปรุงระบบการจ่ายสำนวน และการตรวจร่างคำพิพากษา สร้างหลักประกันความเป็นอิสระแก่ตุลาการ
วันนี้ (7 มี.ค.) ภายหลังจากที่เมื่อเช้าที่ผ่านมา นายคณากร เพียรชนะ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา ได้ใช้ปืนยิงตัวเองในบ้านพักที่จังหวัดเชียงใหม่ และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา โดยก่อนก่อเหตุได้โพสต์จดหมายลาตายในเฟซบุ๊กส่วนตัว อ้างว่า รับสภาพไม่ไหวจากการที่ถูกสอบวินัยและถูกดำเนินคดีอาญา กรณีที่เขาใช่ปืนยิงตัวเองกลางศาลจังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2562 พร้อมเผยแพร่แถลงการณ์อ้างว่ามีการแทรกแซงคำพิพากษาจากผู้บังคัญชานั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.43 น. ที่ผ่านมา นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ว่า นายคณากร เพียรชนะ ตัดสินใจออกมากระทำการแบบนี้ เป็นเรื่องน่าเศร้าสลด เพราะเขาอึดอัดไม่สามารถพูดและแสดงออกถึงปัญหาในการทำงานและความอยุติธรรมที่พบเจอได้ เมื่อพยายามเรียกร้องทุกหนทางแล้ว จนเห็นว่าไม่มีหนทางอื่นใด จึงเลือกกระทำเช่นนั้น
แม้กระแสสังคมจะหันมาให้ความสนใจกับประเด็นการแทรกแซงการพิจารณาคดีของผู้พิพากษาศาลชั้นต้น และตั้งคำถามกับความโปร่งใสของกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป
ต่อมามีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อ คณากร เพียรชนะ ว่ากระทำผิดวินัย และมีมติให้ย้ายไปช่วยงานชั่วคราวในกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 5 จ.เชียงใหม่ และยังมีการดำเนินคดีอาญาตามความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ อีกด้วย
ในขณะที่การตรวจสอบ ศึกษา และหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน เพื่อประกันความเป็นอิสระของผู้พิพากษา มิให้ถูกแทรกแซงการพิจารณาคดี กลับไม่ได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องจริงจัง และก็เงียบหายไปอีกเช่นกัน
“คณากร เพียรชนะ ไม่ใช่อาชญากร แต่คือผู้พิพากษาที่มีจิตใจตั้งมั่นในความยุติธรรม
“การตัดสินใจจบชีวิตตนเองเป็นครั้งที่สองของ คณากร เพียรชนะ คือ ภาพสะท้อนของความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมไทยที่ละเลยผู้ที่ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้อื่น
“การยกย่องให้เกียรติ แสดงความคารวะ และแสดงความอาลัย แก่ท่านผู้พิพากษา คณากร เพียรชนะ ที่ดีที่สุด ของพวกเราในฐานะพี่น้องประชาชนคนไทย คือ การหันมาให้ความสนใจหารือแลกเปลี่ยนและหาหนทางร่วมกันรณรงค์แก้ไขปรับปรุงระบบการจ่ายสำนวนของผู้บริหารศาลให้แก่องค์คณะ และการตรวจร่างคำพิพากษา เพื่อสร้างหลักประกันความเป็นอิสระแก่ผู้พิพากษาตุลาการ” นายปิยบุตร ระบุ
รายละเอียดข้อความในเฟซบุ๊กนายปิยบุตร แสงกนกกุล
“คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน”
คณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา พูดและเขียนไว้ก่อนจะยิงตนเองในห้องพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2562 พร้อมเผยแพร่แถลงการณ์ถึงความไม่ชอบธรรมในกระบวนการยุติธรรม ว่า บุคคลในสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 9 มีพฤติกรรมแทรกแซงการพิจารณาคดี โดยเฉพาะการพิจารณาคดีที่อาจเกี่ยวข้องกับประเด็นความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ (นอกจากนี้ ในห้องพิจารณาคดีมีผู้เห็นเหตุการณ์ว่า เจ้าหน้าที่ กอ.รมน. เข้าไปยุ่มย่ามกับโทรศัพท์มือถือของคณากร และลบเฟซบุ๊กไลฟ์ รวมทั้งโพสต์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับปัญหาข้อเรียกร้องเรื่องการแทรกแซงกระบวนการพิจารณาคดี)
หลังจากนั้น ก็มีความพยายามอธิบายว่าการกระทำของผู้พิพากษา คณากร เพียรชนะ เกิดจากความเครียดส่วนตัว และอาจหวังผลทางการเมือง ซึ่งผมถือว่าการวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้เป็นสิ่งที่น่าละอายอย่างยิ่ง เพราะมิได้คำนึงถึงความเป็นมนุษย์ของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเลย
ผู้พิพากษาคนหนึ่งที่มีหน้าที่การงานมั่นคง ตัดสินใจออกมากระทำการแบบนี้ เป็นเรื่องน่าเศร้าสลด เพราะเขาอึดอัดไม่สามารถพูดและแสดงออกถึงปัญหาในการทำงานและความอยุติธรรมที่พบเจอได้ เมื่อพยายามเรียกร้องทุกหนทางแล้วจนเห็นว่าไม่มีหนทางอื่นใด จึงเลือกกระทำเช่นนั้น
แม้กระแสสังคมจะหันมาให้ความสนใจกับประเด็นการแทรกแซงการพิจารณาคดีของผู้พิพากษาศาลชั้นต้น และตั้งคำถามกับความโปร่งใสของกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป
ต่อมามีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อ คณากร เพียรชนะ ว่า กระทำผิดวินัย และมีมติให้ย้ายไปช่วยงานชั่วคราวในกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 5 จ.เชียงใหม่ และยังมีการดำเนินคดีอาญาตามความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ อีกด้วย
ในขณะที่การตรวจสอบ ศึกษา และหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน เพื่อประกันความเป็นอิสระของผู้พิพากษา มิให้ถูกแทรกแซงการพิจารณาคดี กลับไม่ได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องจริงจัง และก็เงียบหายไปอีกเช่นกัน
คณากร เพียรชนะ ไม่ใช่อาชญากร แต่คือผู้พิพากษาที่มีจิตใจตั้งมั่นในความยุติธรรม
การตัดสินใจจบชีวิตตนเองเป็นครั้งที่สองของ คณากร เพียรชนะ คือ ภาพสะท้อนของความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมไทยที่ละเลยผู้ที่ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้อื่น
ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและผู้เป็นที่รักของผู้พิพากษา คณากร เพียรชนะ ขอให้ผ่านช่วงเวลาโศกเศร้าอันยากลำบากเกินจะทำใจนี้ไปได้
ผมเชื่อว่า ณ เวลานี้ การยกย่องให้เกียรติ แสดงความคารวะ และแสดงความอาลัย แก่ท่านผู้พิพากษา คณากร เพียรชนะ ที่ดีที่สุด ของพวกเราในฐานะพี่น้องประชาชนคนไทย คือ การหันมาให้ความสนใจหารือแลกเปลี่ยนและหาหนทางร่วมกันรณรงค์แก้ไขปรับปรุงระบบการจ่ายสำนวนของผู้บริหารศาลให้แก่องค์คณะ และการตรวจร่างคำพิพากษา เพื่อสร้างหลักประกันความเป็นอิสระแก่ผู้พิพากษาตุลาการ
เพื่อ “คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา”
เพื่อ “คืนความยุติธรรมให้ประชาชน”