“หมอวรงค์” แจ้งความเอาผิด “ข่าวปลอม” (Fake News) วันเดียว 3 คดี เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่นที่คิดจะทำ ขณะที่คนนามสกุลดัง ผู้ช่วย ส.ส.อุบลฯ พรรคเพื่อไทย โผล่ยอมรับสารภาพผิด พร้อมขอโทษ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (6 มี.ค. 63) เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เจ้าของฉายา “มือปราบจำนำข้าว” ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และมือปราบ “ชังชาติ” ด้วยความจริง ในปัจจุบัน โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“วันนี้ 6 มีนาคม 2563 ผมได้ไปแจ้งความดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นายบรรจบ สุทธิรักษ์ Petchsri Wuttinimit และ นายมวลชน กัลป์ตินันท์ ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก
โดยเฉพาะ นายมวลชน กัลป์ตินันท์ มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ดำเนินการ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดอุบลราชธานี ของ นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ได้ติดต่อมาขอสารภาพ ขอโทษ และยอมรับผิด”
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ได้แพร่ภาพสด การเดินทางไปแจ้งความของ หมอวรงค์ กรณีมีผู้ปล่อยข่าวปลอม (Fake News) ที่ สภ.อ.เมืองพิษณุโลก
และในวันก่อนหน้านั้น “หมอวรงค์” โพสต์เฟซบุ๊กว่า “พรุ่งนี้ 6 มีนาคม2563 เวลาประมาณ 10.00 น. ผมนัดหมายทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมือง พิษณุโลก เพื่อไปแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ติดตามไลฟ์ทางเพจผมนะครับ เวลาประมาณ 10.00 น.”
ทั้งนี้ ถ้าจะว่าไปแล้ว “หมอวรงค์” เริ่มโพสต์เกี่ยวกับตัวเอง ถูก “เฟกนิวส์” ถล่ม มาตั้งแต่ 28 ก.พ. 63
ในวันดังกล่าว “หมอวรงค์” โพสต์หัวข้อ “ผมโดนข่าวปลอม (FAKE NEWS)”
โดยระบุว่า “ผมคิดว่าฝ่ายประชาธิปไตยอย่างพวกคุณไม่แฟร์เลย นอกจากจาบจ้วงสถาบัน ชักศึกเข้าบ้าน เดินตามฝรั่ง โกหกบิดเบือน ปลุกระดมเพื่อสร้างความขัดแย้ง ท้าทายกฎหมาย และไม่สนคำตัดสินของศาล วิธีการที่สกปรกของพวกคุณอีกอย่าง คือ การปล่อยข่าวปลอม (FAKE NEWS)
ผมบอกได้เลยว่า สำนวนลิเกแบบนี้ ไม่ใช่ตัวตนผมเลย ผมถูกสร้างขึ้นบนหลักเหตุและผล ตลอดจนหลักฐาน บนผลประโยชน์ชาติ อดีตนายกฯ และรัฐมนตรี จึงติดคุก หนีออกนอกประเทศ การกล่าวแบบมั่วๆ นี้ไม่ใช่ตัวผมแน่
ตอนนี้สังเกตดูพวกคุณดิ้นกันแรงมาก คงเป็นโอกาสสุดท้ายจริงๆ ที่จะต้องลี้ภัยการเมืองไปต่างประเทศแน่ เพราะน้องๆ นักศึกษาเขามีเหตุมีผล ฟังข้อมูลไปเรื่อยๆ เขาจะแยกแยะได้เอง อย่าหวังสร้าง FAKE NEWS เพื่อไปหลอกเขาอีกเลยครับ....เพราะรู้ทันกันหมด”
ล่าสุด ช่วงเวลาประมาณ 17 นาฬิกาเศษวันเดียวกัน เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom โพสต์อีก หัวข้อ “ติดต่อมาอีกหนึ่งราย”
โดยระบุว่า “หลังจากที่ผมไปแจ้งความดำเนินคดี ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แก่ผู้ที่เผยแพร่ข่าวปลอม (Fake News) ทำให้ผมเสียหาย
หนึ่งในนั้นคือ คุณบรรจบ สุทธิรักษ์ ล่าสุด ได้ติดต่อผมมาและขอโทษ และพร้อมรับสภาพตามผลที่ออกมา
ผมต้องขอบคุณคุณบรรจบนะครับ ที่ติดต่อมาและขอโทษผม แม้เราจะไม่รู้จักกันเลย แต่พวกเราต้องไม่ตกเป็นเหยื่อ ในการสร้างความเกลียดชังจากผู้ไม่หวังดี ที่ไม่ต้องการให้พวกเรารักและสามัคคีกัน
ต้องขอบคุณคุณบรรจบอีกครั้งที่ขอโทษผมมา และต้องขอโทษด้วยที่ทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฎหมายครับ”
สำหรับตัวอย่าง FAKE NEWS กรณีโพสต์ของผู้ใช้นามว่า Petchsri Wuttinimit โพสต์ข้อความระบุว่า
“หมอวรงค์เพี้ยนไปใหญ่โต อ้างใครต้าน พล.อ.ประยุทธ์ คือ การล้มล้างสถาบัน”
อีกโพสต์ ของหนึ่งในคนที่ถูกดำเนินคดี ระบุว่า “เรื่องนักศึกษาออกมาก่อม็อบแก้ง่ายๆ ก็แค่ให้ทหารไปเตือนพ่อแม่เขาว่า ถ้าไม่ห้ามลูกหลานให้ดี จะโดนข้อหาล้มล้างสถาบันทั้งครอบครัว แค่นี้ก็จบ ขี้คร้านจะนอนอยู่บ้านกันหน้าสลอน”
โดยโพสต์ดังกล่าว อ้างว่า “หมอวรงค์” เป็นคนโพสต์ ซึ่งไม่เป็นความจริง “หมอวรงค์” จึงใช้สิทธิที่ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงฟ้องร้องดำเนินคดี
ที่สำคัญ ท่ามกลางการต่อสู้ทางการเมือง “ข่าวปลอม” หรือ FAKE NEWS กำลังน่ากลัว และสร้างความเสียหายให้กับผู้ตกเป็นเหยื่ออย่างสูง และถ้าไม่มีวิธีการที่จะสามารถหยุดยั้งได้ ในที่สุด สังคมไทยอาจแยกแยะอะไรไม่ได้เลย ว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง ลองคิดดูว่า เราจะใช้ข้อเท็จจริงอะไรมาตัดสินใจ คิด วิเคราะห์เรื่องราวที่เกิดขึ้น แม้แต่คนที่โพสต์ข่าวปลอม ถึงตอนนั้น ก็อาจได้รับแต่ข่าวปลอม เป็นการตอบโต้ก็เป็นได้ ใครจะรู้!?