xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ฉะพิธีกรบางคนควรมีสำนึกยามชาติเดือดร้อน แจงคุยนานาชาติไม่ต้องพูดอังกฤษ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกฯ ซัดพิธีกรบางคนควรมีสำนึกยามชาตืเดือดร้อน ลั่น ปชต.ปล่อยให้พูด ถ้าผิด กม.ต้องจัดการ เผยถกวงนานาชาติไม่จำเป็นต้องพูดอังกฤษมีล่าม บางคนไม่รู้เรื่อง บางคนพูดได้แต่ก็หลุด เผย 6 ปี บิน 26 ครั้ง ตปท.ต้อนรับ แนะเขียนสัญญาไม่โง่ซ้ำ

วันนี้ (6 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหน้ากากอนามัยว่า ในส่วนของหน้ากากอนามัยก็ตรวจทั้งหมดว่าหายไปไหน ขณะนี้มีการตรวจสอบย้อนกลับอยู่มีการขอดูบัญชี ก็ให้ไปตรวจสอบตามร้านค้าว่าสั่งจากตัวแทนที่ไหนอย่างไร รวมถึงราคาควรจะเป็นอย่างไร ส่วนหน้ากากอนามัยจากต่างประเทศขณะนี้ราคาสูงมาก แต่ของไทยควบคุมราคาที่ 2.50 บาท และคำแนะนำจากแพทย์ที่ดีที่สุด คือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ก็ขอให้ฟังไม่เช่นนั้นจะตื่นตระหนกกันไปหมด

นายกฯ กล่าวว่า ในเรื่องของข้อมูลข่าวสารมีความกังวลมากพอสมควร โดยเฉพาะในส่วนที่สร้างความเกลียดชัง เป็นเรื่องไม่ดี ไม่สนับสนุน รวมถึงข่าวปลอมบางเรื่องไม่ใช่เรื่อง เช่น มีการบอกว่าให้กักตุนอาหารอย่างน้อย 1 เดือน จะเขียนไปทำไม พิธีกรบางรายการพูดอะไรไปตนก็โกรธไม่ได้อยู่แล้ว แต่เขาควรสำนึกว่าวันนี้บ้านเมืองเป็นอย่างไรอยู่ เดือดร้อนหรือไม่ จะชอบหรือไม่ชอบตนก็คนละเรื่อง แต่ต้องรักประชาชนของคุณในฐานะที่คุณเป็นสื่อ คุณเป็นผู้ที่เขาให้เกียรติและต้องมีจรรยาบรรณ แต่คุณเอามาตีใส่ตน แล้วต้องการนู่นต้องการนี่ก็เกิดความไม่เข้าใจในสังคม ตนถามว่าเกิดประโยชน์อะไร ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย อยากให้สำนึกถึงความรักชาติรักแผ่นดินกันบ้างก็แล้วกัน หลายคนออกมาพูดเป็นเรื่องสนุก มันไม่ใช่เรื่อง เรื่องไม่เป็นประเด็นก็ให้มันเป็นประเด็น เรื่องที่เป็นประเด็นอยู่แล้วก็ไม่รับฟังข้อมูลอะไร ทั้งขยายต่อ ขยี้กันต่อ ตนว่าไม่ถูกต้องก็ฝากไว้แล้วกัน รักกันทั้งนั้นแหละสื่อมวลชนต่างๆ ก็ไม่ใช่ศัตรูกัน ไม่เคยไปอะไรกับท่านอยู่แล้ว หงุดหงิดบ้างก็มีธรรมดา ในเรื่องที่มีการว่ากล่าวโจมตีรัฐบาลตนโกรธท่านไม่ได้ ขอสื่ออย่าขยายความขัดแย้ง ไม่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติในเวลานี้ ถ้าเราเข้มแข็งแล้วค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน จะต่อยจะตีอะไรก็ว่ากันไปเถอะ แต่วันนี้ปัญหาเต็มไปหมด อะไรที่ไม่เป็นปัญหาก็ลดกันไปบ้างก็แล้วกัน ตนบังคับไม่ได้อยู่แล้ว เคารพซึ่งกันและกัน

พล.อ.ประยุทธ์ยังชี้แจงกรณีที่มีการกล่าวหารัฐบาลไม่เป็นประชาธิปไตยว่า “ก็นี่ไง ประชาธิปไตยไทย เราก็ต้องปล่อยให้คนพูด แต่ถ้าพูดแล้วผิดกฎหมายก็อีกเรื่องหนึ่ง ก็มีมาตรการแต่ถ้าพูดแล้วว่ากล่าวไปนู่นไปนี่ บางทีไปสัมมนาแล้วก็พูด คนพูดนี่สมัยก่อนก็ด่าเขา วันนี้กลับมาเล่นงานผม ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน คนคนเดียวกัน เพราะฉะนั้น ความน่าเชื่อก็น่าจะไม่มี คือคนอย่างนี้พร้อมจะทำอย่างนี้ได้ตลอด ผมก็ไม่รู้ บางคนก็อายุมากแล้วด้วย ผมก็งง หลายๆ คนก็ทำงานกับผมก็กลับไปกลับมาอย่างนี้ ผมก็งงนะ ผมยังไม่พูดว่าผมเจออะไรมาบ้าง เพราะฉะนั้น วันนี้มาแก้ปัญหาประเทศก่อนไม่ดีกว่าหรือ แล้วที่บอกว่าต่างประเทศไม่คบกับผม ไม่เจอผมเลย เกลียดชังผม ผมว่าไม่จริง ผมเดินทางไปทุกครั้ง ถึงแม้ผมจะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง แต่ผมฟังรู้เรื่องเพราะผมมีล่าม เพราะฉะนั้นจะพูดอะไรคนที่พูดเก่งๆ ยังพูดหลุดเหมือนกัน และปกติการไปต่างประเทศเขาใช้ล่ามทั้งหมด หลายประเทศเขาพูดภาษาเขาเอง ญี่ปุ่นเขาไม่เคยพูดภาษอังกฤษในที่ประชุมเลย และมีอีกหลายประเทศ ทำไมหล่ะ ทำไมจะต้องไปพูดภาษาอังกฤษกับเขาด้วย ในเมื่อเรามีล่ามอยู่ แล้วมันแปลได้ทุกคำ ข้อสำคัญคือคุณพูดไทยให้ถูกแล้วกัน บางครั้งพูดกับเขาไม่รู้เรื่องก็แปลไม่ได้ หรือกหลายครั้งผมได้ยินมาสมัยก่อน บางคนไม่รู้ใคร ผมไม่ได้ว่า บอกแปลไปเลยล่าม เพราะไม่รู้เรื่อง ให้ล่ามจัดการไป แต่ผมไม่ใช่แบบนั้น ผมฟังรู้เรื่อง อันไหนที่ยากหน่อยล่ามเขาก็แปลให้ผมอีกซักนิด แล้วผมก็พูดตอบภาษาไทย แล้วเขาก็แปลตอบโต้กัน ไม่เคยปล่อยให้ล่ามพูดเอง เป็นพยานได้ไปกันหลายคน ผมก็พอจะมีความสามารถอยู่บ้างในเรื่องนี้ บางทีเตรียมไปเท่านี้ ผมก็พูดต่อไปเรื่องอื่น เขาก็รับรู้ เรื่องนี้นายกฯ ไทยพูดดี ไม่ใช่พูดเฉพาะที่เตรียมไป ไม่พอหรอก ต้องฟังคนอื่นเข้าพูดด้วยและต้องฟังรู้เรื่อง มีล่ามช่วย มีคนแปลใส่หูตลอด แล้วเราก็คิดเพิ่มเติม ส่วนที่เตรียมจะพูด ไม่ตรงก็ต้องคิดใหม่ แปลแบบคำต่อคำให้ผมได้ ผมคัดล่ามแบบนี้ คนกระทรวงการต่างประเทศมีขีดความสามารถจะตายไป”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า 6 ปีที่ผ่านมา ตนไปต่างประเทศทั้งหมด 26 ครั้ง และมีโอกาสต้อนรับการมาเยือนของผู้นำต่างประเทศ รวมถึงบุคคลสำคัญกว่า 26 ครั้ง เป็นเจ้าภาพการประชุมระดับนานาชาติ 5 ครั้ง โดยเฉพาะการเป็นเจ้าภาพในการประชุมสุดยอดอาเซียนซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สะท้อนถึงการเป็นที่ยอมรับ มีสัมพันธภาพที่ดีกับมิตรประเทศ รัฐบาลก็มีความเชื่อมั่นว่ามิตรภาพที่ดีนั้นถ้าเราดีกับเขา เขาก็ดีกับเรา เขาเรียกว่าต่างตอบแทน

นายกฯ กล่าวตอนท้ายว่า โครงการอีอีซีไม่ได้เอื้อประโยชน์ใคร คิดแบบนั้นมันแคบไปหน่อย เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นเรื่องอุตสาหกรรมอยู่แล้ว มีความพร้อมด้านการขนส่งถ้าเติมไปอีกหน่อยก็จะสมบูรณ์ ไม่ใช่ว่าตรงไหนก็จะสร้างได้ทันที เพราะใช้เงินมหาศาล อย่างไรก็ตามในเรื่องของสัญญาจะต้องเขียนให้รัดกุม ไม่เช่นนั้นจะโดนค่าโง่อีกในวันหน้า อะไรที่มันโง่อยู่และเคยโง่มาแล้ว ต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก ไอ้ที่โง่ๆ เราแก้ปัญหาแทบตาย หลายคนก็ไม่เข้าใจ บอกว่าไปเอื้อประโยชน์ มันไม่ใช่ เพราะเสียหายไปแล้ว ตนไม่เอื้อใครทั้งนั้น ตนไม่เคยประกอบการธุรกิจ แต่รู้ว่าจะบริหารอย่างไร เพราะวันนี้มาด้วยการเมือง ต้องมีคนรับผิดชอบหนึ่งคน เขาก็โยนให้ตนรับผิดชอบ ตนก็รับอยู่




กำลังโหลดความคิดเห็น