อธิบดีกรมควบคุมโรค แจงมาตรการเข้มรับมือผีน้อยทะลักกลับไทย ระบุมีการกักตัวกลุ่มเสี่ยงจาก 2 เมืองเกาหลีใต้ 14 วัน อุบสถานที่กักตัว ขออย่าตีตรา-ล่าแม่มด
วันนี้ (4 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) แถลงภายหลังการประชุมเตรียมมาตรการเร่งด่วนเพื่อรองรับแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่าแรงงานไทยลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายที่เกาหลีใต้ หรือผีน้อย ที่ขณะนี้กำลังทยอยเดินทางกลับประเทศไทยเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเกาหลีใต้มียอดสูงรองลงมาจากจีน โดยไทยได้มีมาตรการในการควบคุมและป้องกันชัดเจนอยู่แล้ว ขออย่าให้คนไทยแตกตื่นจนกระทั่งไปตีตราคนกลุ่มนี้ เพราะล้วนเป็นคนไทยด้วยกัน กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้มีการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ในการดำเนินการเตรียมการสำหรับการทยอยเดินทางกลับของคนกลุ่มนี้ ซึ่งไม่จำเป็นให้คนกลุ่มนี้กลับมาพร้อมกันทั้งหมด และเมื่อเดินทางกลับมาประเทศไทยแล้ว ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) สนามบิน และสายการบิน จะร่วมมือกับ สธ.ในการคัดกรองอย่างเข้มข้น เช่นเดียวกับการดำเนินการกับคนที่มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงสูง อย่างกรณีประเทศจีน หากพบผู้มีที่มีอาการไข้ จะแยกไปกักตัวในโรงพยาบาลทันที และเข้าสู่การขั้นตอนวินิจฉัย ดูแลรักษา พิสูจน์โรคโควิด-19 เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดของโรค ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการไข้ในกรณีที่เดินทางกลับมา 2 เมืองในเกาหลีใต้ คือ แดกู กับคยองซัง พื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดนั้นจะถูกกักตัวในพื้นที่จัดพิเศษ หรือพื้นที่ควบคุมโรคตามที่รัฐบาลกำหนด ส่วนกรณีเดินทางมาจากเมืองอื่น จะประสานนำส่งกลับไปยังพื้นที่ภูมิลำเนา โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้บริหารจัดการภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของค่าใช้จ่ายของคนเหล่านี้ใครจะเป็นผู้ออก นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องรอง แม้หลักการตามกฎหมายได้มีการกำหนดเรื่องค่าใช้จ่ายจะอยู่กับเจ้าของยานพาหนะและตัวบุคคลก็ตาม เพราะวัตถุประสงค์คือ เพื่อการปกป้องสังคมจากการระบาดของโรค โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวมาตลอดว่าค่าใช้จ่ายไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ประเด็นหลักคือจะทำอย่างไรให้ประชาชนปลอดภัย คนที่กลับมาก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ส่วนจำนวนแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาจากเกาหลีใต้นั้น ขณะนี้ กต.อยู่ระหว่างดำเนินการ และ กต.จะเป็นผู้ประสานงานในการเดินทางกลับตามความต้องการของบุคคล อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนส่วนใหญ่ได้อาศัยอยู่ที่เกาหลีใต้เป็นระยะเวลานาน จึงไม่มีความจำเป็นที่รีบร้อนกลับมาในระยะเวลาอันสั้น
เมื่อถามว่า มีกระบวนการติดตามผู้ที่เดินทางกลับมาก่อนหน้านี้อย่างไร นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ได้มีการติดตามและเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนขอยืนยันว่า ไม่ว่าเป็นใครก็ตามตอนนี้ถ้ากลับมาจากพื้นที่เสี่ยงทุกช่องทาง ทั้งทางบก น้ำ อากาศ ได้มีการคัดกรองอย่างเข้มข้น โดยไม่เลือกว่าเป็นคนไทยหรือเป็นคนต่างชาติหากมีไข้จะถูกแยกกักตัวทันที ส่วนคนที่ไม่มีไข้จะมีการสังเกตอาการและกักตัวตามความเหมาะสมตามระยะเวลา โดยขณะนี้ค่าเฉลี่ยระยะฟักตัวของโรคอยู่ที่ 2-7 วัน แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุดจะต้องกักตัวเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ทั้งนี้ ตัวเลขของแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาจากเกาหลีใต้ก่อนหน้านี้ ได้ตรวจจับพบผู้ที่มีไข้จำนวน 2 ราย และถูกกักตัวอยู่ในโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ส่วนพวกที่ไม่มีอาการ 17 ราย ได้ส่งกลับภูมิลำเนาแล้ว และให้กักตัว 14 วัน โดยมีมาตรการติดตามทุกวัน ระหว่างนี้หากมีอาการจะถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลทันที ฉะนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะแพร่ระบาดหรือตรวจโรคไม่พบ
เมื่อถามถึงสถานที่ที่ใช้กักตัวผู้ที่เดินทางกลับมาจากเกาหลีใต้ นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ขณะนี้นายกฯได้สั่งการให้ส่วนราชการทุกภาคส่วน โดยให้ สธ.จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาสถานที่ให้ดำเนินการให้เร็วที่สุด ยืนยันว่าได้มีการจัดเตรียมสถานที่ไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่จะเลือกพื้นที่ไหนเท่านั้นเอง
“อย่าลืมว่าเขาเป็นคนไทย แต่ตอนนี้เหมือนว่าเรากำลังเดินการเหมือนว่าเขาเป็นคนผิดแปลกไป ดังนั้น เมื่อเป็นคนไทยเราก็พยายามจัดพื้นที่ให้อยู่ใกล้ภูมิลำเนา หรือเรียกว่าพื้นที่ควบคุมโรคเฉพาะเท่านั้นเอง” อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว และว่า และขอว่าไม่ต้องตามไปดูและตีตราเขาว่าอยู่ที่ไหน สิ่งหนึ่งที่พวกเราต้องช่วยกัน คือ สังคมต้องร่วมกันรับผิดชอบ คงไม่ต้องไปบอกต่อกันว่าคนที่กลับมานั้นจำเป็นต้องไปไล่ล่าเหมือนแม่มด เพราะเราสามารถที่จะจัดการให้เขาไม่แพร่โรคและดูแลเขาได้