“ประยุทธ์” แจงเร่งกำลังผลิตหน้ากากอนามัย พร้อมกระจายให้ทั่วถึง รับปัญหาคือต้นทุนวัสดุ สั่งพาณิชย์สอบกักตุนขายต่างประเทศ พร้อมจัดทำโครงการหน้ากากอนามัยผ้าทางเลือก จี้ใช้อย่าทิ้งมั่ว
วันนี้ (3 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังประชุม ครม.ถึงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ส่งผลหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอต่อความต้องการประชาชนว่า เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ได้หารือกับกระทรวงพาณิชย์และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ต้องไปดูกำลังการผลิต ซึ่งเรามีโรงผลิต 11 โรงงาน สามารถผลิตหน้ากากได้ 30 ล้านชิ้นต่อเดือน โดยได้เร่งกำลังการผลิตซึ่งจะทำให้ได้เพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ ต้องมีการจัดสรรปันส่วนโดยส่วนหนึ่งจะใช้ทางการแพทย์ 350,000 ชิ้นต่อวัน สามารถกระจายไปถึงบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งโรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลรัฐ ส่วนที่เหลือก็จะนำไปจำหน่าย โดยจะมีการกระจายจะไปในช่องทางไหนเพื่อให้ทั่วถึง ทั้งร้านค้า ร้านสะดวก และร้านในท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม อยากให้เข้าใจว่าการผลิตหน้ากากอนามัย ต้นทุนวัสดุมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น ทั้งจากประเทศจีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย แต่ละประเทศได้ลดการส่งออกวัสดุเหล่านี้ ก็เป็นปัญหาที่เราเผชิญ
นอกจากนี้ ได้ให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปตรวจสอบเพื่อป้องกันการเข้าหาผลประโยชน์จากการกักตุนเพื่อส่งออกขายต่างประเทศเนื่องจากมีความต้องการจำนวนมาก หากพบจะมีการลงโทษให้เด็ดขาด โดยวันนี้ได้จับดำเนินคดีแล้ว 51 คดี โทษจำคุกสูงสุด 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท ตนขอเตือนการค้าขายทางออนไลน์ที่มีการหลอกลวง สั่งซื้อแล้วไม่ได้ รัฐบาลดูทุกอันทั้งการผลิตและการกระจาย รัฐบาลได้มีการจัดทำโครงการหน้ากากอนามัยผ้าทางเลือก โดยกระทรวงสาธารณสุขรับรองแล้วว่าสามารถป้องกันการแพร่กระจายได้ โดยจะมีการเร่งผลิตภายใน 10 วันให้ได้ 50 ล้านชิ้น โดยท้องถิ่นดำเนินการด้วย ฉะนั้นหน้ากากทางเลือก 50 ล้านชิ้น โดยจะแจกจ่ายประชาชน
นายกฯ กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงหน้ากากที่ใช้แล้วที่ต้องทิ้งในที่จำกัด เนื่องจากเป็นขยะที่ติดเชื้อแล้ว แต่ที่ตนเห็นมีการทิ้งไปทั่ว ทิ้งลงแม่น้ำ ทุกคนต้องช่วยกันดูแล ถ้าให้รัฐบาลทำอย่างเดียวก็ต้องมีมาตรการเข้มงวด ขอให้ทุกคนได้ช่วยกัน ทำเองได้ก็ทำ บางครั้งเราใช้วันเดียวทิ้ง บางคนก็รับไม่ไหว