ปลัดกระทรวงมหาดไทย เซ็นคำสั่งด่วนที่สุด สั่งห้ามข้าราชการทุกจังหวัดเดินทางไปประเทศเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19
วันนี้ (28 ก.พ.) รายงานข่าวเปิดเผยว่า นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีหนังสือด่วนที่สุด ที่มท.0204.1/ว 1208 เรื่องแนวปฏิบัติการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ระบุว่า ขณะนี้สถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ของประเทศไทยอยู่ในระยะ 2 คือ เริ่มมีการติดเชื้อจากคนสู่คนภายในประเทศ และได้ยกระดับการแจ้งเตือนการระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 เป็นระดับ 3 คือ ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่พบการระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าว
เพื่อให้เป็นแนวปฏิบัติสำหรับการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราวของบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทยในสถานการณ์ดังกล่าว และเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของการติดเชื้อ COVID-19 กระทรวงมหาดไทยจึงได้กำหนดแนวปฏิบัติในการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว ดังนี้
1. ในกรณีเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน สาธารณรัฐสิงคโปร์ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐอิตาลี สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ให้ปฏิบัติ ดังนี้
1.1. ไม่อนุมัติ หรืออนุญาตให้ข้าราชการ และบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทยลาพักผ่อนเพื่อเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยง
1.2 ห้ามข้าราชการ และบุคลากรในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปราชการต่างประเทศยังประเทศกลุ่มเสี่ยง นอกจากมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด หรือเป็นการเข้าร่วมการประชุมตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ให้พิจารณาตามความจำเป็น เหมาะสม ในกรณีที่ได้รับการอนุมัติการเดินทางไปราชการต่างประเทศแล้ว อาจพิจารณายกเลิก ระงับ หรือเลื่อนการเดินทางให้พ้นช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 ออกไปก่อน และจะต้องมีมาตรการป้องกันตนเองจากการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด
2. ในกรณีเดินทางไปต่างประเทศที่ไม่ใช่ประเทศกลุ่มเสี่ยง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาถึงความจำเป็นเหมาะสม ในการเดินทางไปต่างประเทศของข้าราชการ และบุคลากรในสังกัด
3. ในกรณีที่พบว่าข้าราชการและบุคลากรในสังกัดเดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศกลุ่มเสี่ยง ให้กำชับข้าราชการและบุคลากรดังกล่าวเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด อย่างน้อย 14 วัน หลังจากเดินทางกลับถึงประเทศไทย และกรณีพบว่ามีไข้หรือมีอาการที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคให้รีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและแจ้งประวัติการเดินทางให้ทราบทันที
4. ในส่วนจังหวัดชายแดนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ในการควบคุม กำกับดูแลการเดินทางเข้าออกจุดผ่านแดนต่างๆ ทั้งในจุดผ่านแดนที่ได้กำหนดให้มีด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศไว้แล้ว จำนวน 68 แห่ง ส่วนกรณีจุดผ่านแดนที่ไม่ได้กำหนดให้มีด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ อาทิ จุดผ่อนปรนทางการค้า ช่องทางธรรมชาติ ท่าข้ามตามแนวชายแดนต่างๆ ขอให้กำชับหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ให้เข้มงวดในการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าออกอย่างใกล้ชิด
จึงเรียนมาเพื่อทราบและแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดทราบและถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด