สภาพัฒน์ห่วงคน Gen Y อนาคตหน้าอีก 20 ปีข้างหน้า รักเสรีภาพ-ครองโสดมากขึ้น-ไม่นิยมมีบุตร-หนี้สินพอก กระทบขับเคลื่อนประเทศ จี้หาแนวทางยกระดับ ดึงศักยภาพ สร้างสภาพแวดล้อมใหม่ในรูปแบบการทำงาน สร้างความมั่นคงในชีวิต เพิ่มระบบหลักประกัน ปรับหลักสูตร ยกระดับ-ปรับเปลี่ยนทักษะ ส่งเสริมให้มีสุขภาวะที่ดี
วันนี้ (28 ก.พ.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ได้นำเสนอบทความเรื่อง “การพัฒนา Generation Y เพื่อรองรับการขับเคลื่อนประเทศ” ระหว่างรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่ และภาพรวมปี 2562
สภาพัฒน์ได้ศึกษา 10 ลักษณะคน Gen Y จากการทบทวนข้อมูลพบว่า คน Gen Y มีลักษณะเด่น ได้แก่ คน Gen Y จะเป็นแรงงานกลุ่มใหญ่ที่สุดของประเทศในอีก 20 ปีข้างหน้า ปี 2580 เป็นกลุ่มคนที่ได้รับการศึกษาสูงขึ้นมากกว่าคน Gen อื่น มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี มีทักษะสูงเมื่อเข้าสู่ตลาดแรงงาน มีพฤติกรรมการทำงานที่เน้นความเป็นอิสระในการทำงานและสามารถจัดระบบการทำงานเองได้ มีการใช้จ่ายสินค้าที่ไม่จำเป็น มีแนวโน้มการก่อหนี้เพิ่มขึ้น ขาดการตระหนักในเรื่องการวางแผนด้านการเงินในอนาคต แต่งงานช้าและให้ความสำคัญกับการมีบุตรน้อยลง และให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพน้อย
ดังนั้น จากลักษณะของคน Gen Y ข้างต้น จะส่งผลต่อกำรขับเคลื่อนประเทศในอนาคต เช่น ครองโสดมากขึ้นและไม่นิยมมีบุตรของคนเจนวายเนื่องจากรักอิสระ ต้องการทางานเพื่อประสบความสำเร็จ และการมีสังคมกับเพื่อนฝูง ส่งผลให้ประชากรไทยมีแนวโน้มลดลง และอัตราส่วนการพึ่งพิง (Dependency Ratio) ของประชากรที่ไม่ได้ทำงานต่อประชากรที่ทำงานสูงขึ้น ส่งผลต่อการขาดแคลนแรงงาน และการมีภาระทางการเงินการคลังเพิ่มขึ้นจากการมีจำนวนผู้สูงวัยเพิ่มขึ้น
ขณะที่จำนวนแรงงานที่ลดลงส่งผลต่อความต้องการแรงงานที่มีคุณภาพ และตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน โดยจำนวนคน Gen Y จะไม่สามารถทดแทนประชากรสูงอายุที่ออกจากตลาดแรงงานได้ และการจะรักษาระดับการผลิตไว้เท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น แรงงานจะต้องมีทักษะที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยกำลังแรงงานที่ลดลง
ส่วนรูปแบบการทำงานที่เป็นอิสระ ต้องการสร้างสมดุลการทำงานกับชีวิตส่วนตัวของคน Gen Y ทำให้คน Gen Y มีแนวโน้มของรายได้ไม่แน่นอน และขาดหลักประกันในการทำงาน ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของหนี้สินส่วนบุคคล ครัวเรือน และความยั่งยืนของระบบสวัสดิการสังคมของประเทศ
นอกจากนี้ ในพฤติกรรมการบริโภค และการใช้ชีวิต จะมีความเสี่ยงด้านสุขภาพ ทำให้สูญเสียกำลังคนในการพัฒนาประเทศ หรือมีค่าใช้จ่ายที่ต้องดูแลกลุ่มผู้พิการเพิ่มขึ้น
สภาพัฒน์ ให้ข้อเสนอแนะการยกระดับศักยภาพคน Gen Y สู่การขับเคลื่อนประเทศ จะต้องมีการ”พัฒนาระบบสนับสนุนและสร้างสภาพแวดล้อม” ที่เอื้อให้คน Gen Y สามารถทำหน้าที่ในการดูแลบุตร และผู้สูงอายุได้ดีขึ้น ขณะที่ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ โดยเพิ่มบทบาทของผู้ชายในการเลี้ยงดูบุตรและรับผิดชอบครอบครัวให้มากขึ้น การสร้างสภาพแวดล้อมให้ผู้หญิงตัดสินใจมีบุตรโดยที่ยังมีความก้าวหน้าทางอาชีพได้
การมีสถานรับเลี้ยงเด็กและสถานดูแลผู้สูงอายุที่มีคุณภาพมาตรฐาน มีราคาที่สมเหตุสมผล การจัดให้มีสถานรับเลี้ยงเด็กที่ไว้วางใจได้ในที่ทำงาน ตลอดจนสนับสนุนให้มีสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ให้มี “การปรับหลักสูตร” การส่งเสริมการยกระดับทักษะ (Up-skill) และการปรับเปลี่ยนทักษะ (Re-skill) รวมถึงทักษะอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับการทางานที่สอดรับกับการพัฒนาประเทศ และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยเฉพาะทักษะด้านการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
ทักษะความคิดสร้างสรรค์ และทักษะด้านการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานที่เทคโนโลยีไม่สามารถเรียนรู้ได้ และเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่อาจเข้ามากระทบ ขณะเดียวกันต้องพัฒนาหลักสูตรการศึกษา และการฝึกอบรมที่มีคุณภาพและตอบสนองต่อทิศทางการพัฒนาประเทศ
เพิ่ม “การสร้างความมั่นคงในชีวิต” โดยมีระบบหลักประกัน การทำงานที่ตอบสนองต่อรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป มีระบบหลักประกันการทำงานที่ครอบคลุมและตอบสนองต่อรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปของคน Gen Y การสร้างระบบการออมเพื่อเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงในชีวิตยามเกษียณ อาทิ การส่งเสริมการออมภาคบังคับ รวมถึงจะต้องสร้างทักษะทางด้านการเงิน
สุดท้าย “การส่งเสริมให้มีสุขภาวะที่ดี” โดยส่งเสริมและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านสุขภาวะที่ถูกต้องเหมาะสมครอบคลุมกิจกรรม ทั้งกำรให้ความรู้และการพัฒนาพฤติกรรม โดยอาศัยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการติดตามและชักจูงให้ประชาชนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปสู่การมีพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม
รวมถึงการลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งการแก้ไขปัญหาทางกายภาพของถนน และยานพาหนะให้มีมาตรฐานความปลอดภัย