น่ากลัว! “ทอน” หนุนม็อบนศ. คลั่งปชต. “ดร.นิว” จี้ “ประยุทธ์” ลาออก ก่อนเข้าแผนสร้างความ “รุนแรง”

การเมือง “นอก-ใน” สภาฯเดือด “ทอน” หนุนแฟลชม็อบ นศ.คลัง ปชต.สู้นอกสภาฯ ขณะ “ดร.นิว” ฉุนขาด รัฐบาล “ลุงตู่” ตอบไม่ชัด ปมช่วย “เซเวียร์ ซุตโต” จี้ ลาออก ก่อนเข้าแผน สร้างความรุนแรง ของ คณะ อนค.

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(26 ก.พ.63) เฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความและรูปภาพนิสิต-นักศึกษาร่วมแฟลชม็อบหนุนประชาธิปไตย ว่า

“โมงยามสุดท้ายของวันที่ศาลมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ พร้อมทั้งลงดาบที่คอตัดสิทธิ์ทางการเมืองของผม และกรรมการบริหารพรรคทั้ง 16 ท่าน เป็นเวลา “หนึ่งทศวรรษ” ห้วงเวลานั้น คงทำให้ผู้คนได้ประจักษ์ร่วมกันไม่มากก็น้อยว่า การหยัดยืนตรงเพื่อคงไว้ซึ่งหลักการนั้น “มีราคาที่ต้องจ่าย” เมื่อได้จ่ายไปแล้ว ผมและผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ จึงหวังแต่เพียงว่า ราคาที่เราได้จ่ายไปนั้น จะมากพอที่จะปลุกผู้ที่ยังหลับไหล ให้ได้ตื่นขึ้นมาพบความผิดปกติในสังคมนี้ได้บ้าง

“ผมขอเรียนย้ำอีกครั้งว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาของการท้อถอย เวลานี้ไม่ใช่เวลาของความสิ้นหวัง เวลานี้ไม่ใช่เวลาของการเหนียมอายต่อการลุกขึ้นมายืนฝั่งตรงข้ามกับความอยุติธรรม แต่เวลานี้เป็นเวลาที่เราจะลุกขึ้นมายืนหยัดและบอกกับเหล่าผู้มีอำนาจว่า ประเทศนี้เป็นของประชาชน เรามิได้เป็นเพียงผู้เช่า แต่คือเจ้าของ”

หลายวันมานี้ ภาพของนักศึกษาและประชาชนที่เริ่มลุกขึ้นมาใช้สิทธิอันชอบธรรมในฐานะเจ้าของประเทศเพื่อต่อสู้กับความผิดปรกติในสังคม ภาพของผู้คนที่ไม่ยอมเพิกเฉยต่ออำนาจเผด็จการ ผู้ที่ไม่ยอมเหนียมอายต่อหน้าความอยุติธรรม ผู้คนที่ร้อยรัดกันด้วยความหวัง และความฝันที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมที่ก้าวหน้า เท่าเทียมและเป็นธรรมในทุกๆ ที่ทุกๆ มหาวิทยาลัย ช่วยเติมไฟแห่งความหวังและเป็นพลังมหาศาลให้กับผม

“พรรคอนาคตใหม่อาจถูกยุบไปแล้ว แต่สิ่งที่ยังคงอยู่และไม่มีวันตายนั้นคืออุดมการณ์ของอนาคตใหม่ เส้นทางยังอีกยาวไกล จับมือก้าวเดินต่อสู้ไปพร้อมกัน”

“ขอเยาะเย้ย – ทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ คนยังคง – ยืนเด่นโดยท้าทาย

แม้นผืนฟ้า – มืดดับเดือนลับละลาย ดาวยังพราย – ศรัทธาเย้ยฟ้าดิน”

ทั้งนี้พบว่า นิสิต-นักศึกษามหาวิทยาลัย เริ่มเคลื่อนไหวจัดแฟลชม็อบภายในมหาวิทยาลัยมาตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา กระทั่งวันนี้และพรุ่งนี้ ก็ยังมีการทยอยจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง

ที่น่าสนใจคือ แต่ละแห่งมีการจัดทำแท็กแฟลชม็อบ ตัวอย่าง CU #เสาหลักจะไม่หักอีกต่อไป KU #KUไม่ใช่ขนมหวานราดกะทิ TU #ที่ยุบอนาคตใหม่พี่มหาลัยกูทั้งนั้น CMU #มหาวิทยาลัยหน้าบางแห่งหนึ่ง #ช้างเผือกจะไม่ทน KKU #KKUขอโทษที่ช้าโดนสลิ่มลบโพสต์ PSU #ฝุ่น6ล้านหรือจะสู้ท่าน9เสียง

ราม #พ่อขุนไม่รับใช้เผด็จการ SU #ศิลปากรขอมีซีน MU #ศาลายางดกินของหวานหลายสี SWU #มศวขอมีจุดยืน #รากฐานจะหารด้วย MSU #ถึงจะอยู่ไกลขอส่งใจที่ลานแปดเหลี่ยม NU #มอนออยากออกจากกะลา KMITL #พระจอมเกล้าชอบกินเหล้าไม่ชอบกินสลิ่ม สามพระจอม #สามพระจอมจะยอมได้ไง บางมด #ศาลาวีรชนจะไม่ใช่ที่หลบฝนอีกต่อไป SUT #ถึงมออยู่ใกล้หลายค่ายก็ไม่ได้ชอบเผด็จการ BUU ?#ทีมลูกระนาดอยากจะฟาดบ้างแม่? พะเยา #ฟ้ามุ่ยไม่คุยกับเผด็จการ สวนดุสิตและสวนสุนันทา #อยู่ข้างบ้านเสียงดังไม่ได้ (แอบกระซิบเอานะครับ 555)

UBU #กันเกราไม่เอากะลา ราชภัฏ #ราชภัฏอยากงัดกับสลิ่ม RMUT #ราชมงคลจะไม่ทน BU #BUกูไม่ใช่สลิ่ม UTCC #UTCCเรือใบไม่ใช่เรือดำน้ำ SPU #มออยู่ข้างราบสิบเอ็ดแต่ไม่เอาเผด็จการ รารภัฏอุดรธานี #ดอกจานบานที่อุดร ม.นครพนม #อิงโขงไม่อิงเผด็จการ ม.วลัยลักษณ์ #ขอกู้คืนเกียรติ (ข้อมูลจากโพสต์ทูเดย์)

ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์หัวข้อ “#เปิดหลักฐานอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา”

โดยระบุว่า “ตามคำสัญญาจากโพสต์...https://bit.ly/2PpaSrO

โพสต์ดังกล่าว มีสาระสำคัญว่า (“พรุ่งนี้ผม "อาจจะ" อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนี้นอกสภา

ผมเบื่อความสกปรกของทีมไซเบอร์อนาคตใหม่เต็มทนที่ใส่ร้ายผมและคนอื่นๆในสังคมสารพัด พวกเขาสามารถหลอกสาวกยังไงก็ได้ด้วยกระบวนการปั่นหัวล้างสมองโดยการรับข้อมูลด้านเดียว แล้วสาวกก็โง่มากเชื่อทุกอย่างที่พวกเขาป้อนแบบไร้สมอง มันจะมีการชี้เป้าแชร์เข้าไปในกลุ่มหรือเพจแนวร่วมให้สาวกซอมบี้กับเฟซปลอมเข้ามาด่า

ระบบการศึกษาไทยในระดับมัธยมล้มเหลวมากๆอันนี้ขอบอก สอนให้ท่องจำไปสอบแบบนกแก้วนกขุนทอง เรียนเยอะ เรียนหนักเกิน เรียนเพื่อไปสอบ...ตอนผมเรียนผมก็สงสารตัวเองอะบอกเลย แต่ไม่ได้สอนเน้นการวิเคราะห์แยกแยะอะไรเหมือนในประเทศมหาอำนาจ

ระดับมหาวิทยาลัยก็มีอาจารย์เครือข่ายอนาคตใหม่คอยล้างสมองอีก แถมอนาคตใหม่ก็ยังแทรกแซงแกนนำนักศึกษาที่ทำกิจกรรมทั่วประเทศ


การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนอกสภาในครั้งนี้ได้รู้กันไปว่า...ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับรัฐบาลนี้ หรือพรรคพลังประชารัฐ

ผมมีเป้าหมายในการสร้างประชาธิปไตยเหมือนๆกันกับอนาคตใหม่...

แต่ต้องเป็นการสร้างประชาธิปไตยที่ถูกต้องอย่างสันติและสร้างสรรค์ ไม่ใช้ชีวิตผู้บริสุทธิ์เป็นเครื่องมือหวังให้เกิดความรุนแรงอย่างอำมหิต...)

กลับมาที่การอภิปราย ดร.นิวเริ่มจาก “กระผมขอเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและคณะรัฐบาล

โดยอาศัยหลักวิชาของ "สนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน" ในการอภิปรายดังต่อไปนี้...

1.มาเลเซียประสานงานให้ทางการไทยดำเนินการจับกุม เซเวียร์ ซุตโต ตาม "สนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน" ระหว่างทั้งสองประเทศ

อ้างอิง...https://bit.ly/37Mfdf2

2.ทางการมาเลเซียและสวิตเซอร์แลนด์ต่างก็ขอตัวนาย เซเวียร์ ซุตโต ซึ่งในกรณีนี้ไทยไม่มี "สนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน" กับทางสวิตเซอร์แลนด์

3.จากการให้สัมภาษณ์ของทนายความของ นาย เซเวียร์ ซุตโต ต่อสำนักข่าวสวิสชื่อ Le Temps ในภาษาฝรั่งเศส ของวันที่ 16 ก.ย. 2016 และต่อมาสำนักข่าวมาเลเซีย Sarawak Report ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาโดย แคลร์ บราวน์ เพื่อเปิดโปงการทุจริต 1MDB โดยเฉพาะ ได้มีการแปลเนื้อความดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษมีใจความสำคัญว่า...

"ประเทศไทยให้ความร่วมมือกับทางสวิตเซอร์แลนด์ที่จะไม่ส่ง เซเวียร์ ซุตโต ให้กับทางการมาเลเซียซึ่งเป็นที่ที่จะไม่ปลอดภัยสำหรับเขาเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันประเทศไทยก็ต้องรักษามิตรภาพกับมาเลเซียในการปฏิเสธที่จะส่งมอบตัวเขาให้กับทางสวิตเซอร์แลนด์ด้วยเช่นกัน"

อ้างอิง...
Sarawak Report: https://bit.ly/3c8XDW4
Le Temps: https://bit.ly/2VlH8jd

4.หมายความว่า...ประเทศไทยไม่ยอมส่งตัว เซเวียร์ ซุตโต ให้กับทางการมาเลเซียทั้งๆที่ไทยมี "สนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน" กับมาเลเซีย และทั้งๆที่นาจิบ ราซัก ก็เคยเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อที่จะขอตัวของเขากลับไปยังมาเลเซียด้วยตนเองอีกด้วย

ซึ่งแตกต่างจากกรณีของ โจ โล อย่างสิ้นเชิงที่ โจ โล ต้องรีบเผ่นออกจากประเทศไทยไปในที่สุด

5.ต่อมา เซเวียร์ ซุตโต ได้รับการพระราชทานอภัยโทษกึ่งหนึ่งจาก 3 ปี (36 เดือน) เหลือ 18 เดือน และเมื่อครบกำหนด ทางการไทยได้ส่งตัวของเขากลับไปยังสวิตเซอร์แลนด์

6.เท่ากับว่าแบบนี้ทางการไทยได้ให้ความร่วมมือกับสวิตเซอร์แลนด์ช่วยชีวิต เซเวียร์ ซุตโต ไว้อย่างชัดเจน

7.ไปๆมาๆ...จากพันธมิตรมืดระหว่างไทยกับมาเลเซีย กลายเป็น พันธมิตรสว่างระหว่างไทยกับสวิตเซอร์แลนด์...เสียแล้ว

ด้วยข้อมูลชุดใหม่นี้บ่งชี้ให้เห็นว่า...

พลเอกประยุทธ์สามารถช่วยชีวิต เซเวียร์ ซุตโต ไว้ได้...

แต่พลเอกประยุทธ์ไม่สามารถหยุดยั้งการบิดเบือนความจริงของคณะอนาคตใหม่ที่คอยบิดเบือนสร้างความเกลียดชังต่อตัวพลเอกประยุทธ์โดยมุ่งหวังใช้มวลชนเป็นเครื่องมือทางการเมืองไปสู่ความรุนแรงได้

ลองคิดดูสิครับ...ท่านนายกฯและคณะรัฐบาลไม่สามารถตอบโต้อะไรได้อย่างชัดเจนเพื่อสยบการใส่ร้ายที่สุดแสนจะสกปรกนี้ได้เลย...

ในขณะที่ผมเพียง "คนเดียว" กับ "การเสียสละเวลาว่างส่วนตัว" สามารถนำเสนอความจริงด้วยหลักฐานบนพื้นฐานของหลักวิชาได้ถึงขนาดนี้ มีประสิทธิภาพยิ่งกว่ารัฐบาลทั้งคณะ...เพราะกระผมต้องการแค่เพียงยับยั้งกระบวนการปลุกระดมที่บิดเบือนของคณะอนาคตใหม่ที่กำลังหลอกใช้และผลักดันผู้คนด้วยความเกลียดชังไปสู่ความรุนแรง

ดังนั้นผมจึงขอเรียนเสนอว่า...ลาออกเลย...ดีไหมครับท่าน??? มันจะได้จบๆ

เพราะถ้าท่านยังแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้...และไม่ลาออก เราอาจจะได้เห็นความสำเร็จของแผนการสร้างความรุนแรงและสงครามประชาชนของคณะอนาคตใหม่เร็วๆนี้

แต่เดี๋ยวก่อน...ยังมีทางออกของประเทศไทยอย่างสันติอีกทางหนึ่งที่ผมได้เสนอไว้ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ผ่านทางสำนักนายกรัฐมนตรีไปถึงท่าน...ไม่ทราบว่าท่านได้รับหรือไม่?

ในยามที่ความหวังทุกอย่างหมดสิ้นลง...กระดาษธรรมดาๆใบนั้นแหละที่จะช่วยท่านได้ เพราะมันมีทางออกของประเทศที่ผมคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว

กระผมขอจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาไว้เพียงเท่านี้”

ถ้าใครติดตามโพสต์เฟซบุ๊กของ ดร.นิว อย่างต่อเนื่อง จะพบว่า ดร.นิวพยายามจะให้ข้อมูลอีกด้าน หรือ ให้ข้อมูลที่แกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่พูดไม่หมด และหรือ บิดเบือนเพื่อหวังผลการเมืองมาตลอด

แม้แต่การอภิปรายนอกสภาของ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวหา รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจมีส่วนเกี่ยวข้องคดีทุจริต 1MDB ของมาเลเชีย เมื่อไม่นานมานี้ ที่วันนี้ก็ยังคงเป็นประเด็นร้อน เมื่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์เตรียมฟ้องกลับ

อย่างไรก็ตาม การอภิปรายนอกสภาฯครั้งนี้ก็เช่นกัน ดูเหมือนประเด็นของ “ดร.นิว” จะพุ่งเป้าโจมตีไปที่ “คณะอนาคตใหม่” มากกว่า แม้ว่า เนื้อหาจะเกี่ยวกับการอภิปรายนอกสภาฯรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ก็ตาม

อย่าลืม “ยุทธศาสตร์ใหญ่” ของ “ดร.นิว” ก็คือ การหยุดยั้งความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นตามแผนสร้างความเกลียดชังและปลุกเร้าทางสังคมให้เกิดความรุนแรง และ กรณีพล.อ.ประยุทธ์ ถ้ายังขืนแก้ปัญหาทางการเมืองไม่ได้ ย่อมเข้าทางคณะอนาคตใหม่ อย่างไม่ต้องสงสัย ที่สุด ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมลาออก ก็ต้องก่อรัฐประหารตัวเอง และถ้าเกิดม็อบขับไล่ทั่วประเทศ ก็อาจต้องนองเลือดอีกครั้ง?

ส่วนใครจะเห็นด้วยหรือไม่ อาจไม่สำคัญเท่ากับสัญญาณ “อันตราย” มันเกิดขึ้นแล้ว และที่น่ากลัวก็คือ ความต้องการ “ล้มล้างเผด็จการ” โดยไม่ต้องการเหตุผลอีกแล้ว ของบรรดานักศึกษาทั่วประเทศ อย่าดูเบาปัญหาก็แล้วกัน