อภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 3 “วิสาร” เปิดฉากซักฟอก กรณีทุจริตไบโอเมตริกส์ แฉมาดามหลังทำเนียบ ภรรยา “ประยุทธ์” มีเอี่ยว พร้อมยื่น ป.ป.ช.เอาผิดนายกฯ ปูดบริษัท ส.-ข.รับโอนหมื่นล้าน ข้องใจเกี่ยวกับ 1MBD หรือไม่
วันนี้ (26 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ได้ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาญัตติการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นวันที่ 3 นายศุภชัย ได้แจ้งที่ประชุมว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับรองผลการเลือกตั้งให้นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ ดำรงตำแหน่งเป็นส.ส.กำแพงเพชร เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ทำให้มี ส.ส.จำนวน 488 คน องค์ประชุมสภาฯ เท่ากับ 244 คน โดยนายเพชรภูมิได้กล่าวคำปฏิญาณตนต่อที่ประชุมสภาฯ ก่อนเข้ารับหน้าที่ ส.ส. สรุปเวลาการอภิปรายที่ได้ใช้ไปแล้วว่า 1. คณะรัฐมนตรี ได้ใช้เวลาไปแล้วจำนวน 1.17 ชั่วโมง ขณะที่ฝ่ายค้านใช้เวลาไปแล้ว 6.24 ชั่วโมง
จากนั้นเริ่มเข้าสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายถึง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยี หรือ Biometrics (ลายนิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า) เป็นโครงการที่เริ่มตั้งแต่ปี 2559 ตั้งราคา 1,735 ล้านบาท มีการประกวดราคาครั้งแรกและกำหนดรายละเอียดว่าจะต้องมีหนังสือค้ำประกันการเสียหาย 86 ล้านบาท และบริษัทต้องมีผลงานด้านไอที 86 ล้านบาท ต่อมามีการยกเลิกเพราะหาผู้รับเหมาไม่ได้ พร้อมกับมีการกำหนดทีโออาร์ใหม่และประกวดราคาใหม่ 2,126 ล้านบาท โดยกิจการร่วมค้าเอ็มทีเป็นผู้ชนะการประกวด ไม่ต้องมีวงเงินค้ำประกันและผลงาน ต่อมาลงนามสัญญาในปี 2560 และต้องส่งมอบงาน 6 งวด สิ้นสุดเดือน พ.ค. 2562 และต้องเสียค่าปรับในกรณีส่งมอบงานล่าช้าวันละ 5 ล้านบาท
นายวิสารกล่าวว่า ต่อมาเดือน ต.ค. 2561 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ได้รายงานถึงปัญหาให้ผบ.ตร.ทราบถึงปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อกับระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมืองเดิม และเกิดการส่งมอบล่าช้า ซึ่งส่งผลให้ตรวจสอบบุคคลที่เป็นภัยต่อการก่อการร้ายไม่อาจทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ส่วนราชการบอกเลิกสัญญากับกิจการค้าเอ็มทีภายหลังเห็นความผิดปกติตั้งแต่การยกเลิกทีโออาร์ แต่นอกจากจะไม่ยกเลิกสัญญาแล้วกลับมีการต่อรองอีกโดยแก้ไขให้เรื่องการส่งมอบขยายเวลาออกไปจากเดิมที่กำหนดไว้ 600 วัน อีกทั้งยังมีการแก้ไขสัญญาในสาระสำคัญเดิมเครื่องตรวจใช้ของเยอรมันยี่ห้อDermalog แต่แก้ไขมาเป็นจัดซื้อของยี่ห้อ Logitech ซึ่งราคาตามท้องตลาดประมาณ 68,000 บาทต่อหนึ่งชุด แต่กลับมีการจัดซื้อในราคาประมาณ 280,000 บาท หนึ่งในผู้บริหารกิจการค้าเอ็มทีมีชื่อ น.ส.วัชรี พรรณเชษฐ์ ซึ่งเป็นนักเรียนหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บยส.) รุ่นที่ 15 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ริเริ่มโครงการ อีกทั้งยังมีการอ้างชื่อมาดามหลังทำเนียบรัฐบาล คือ อาจารย์น้อง ภรรยาของนายกฯ เพื่อไม่ต้องรับผิดตามสัญญา โครงการนี้รัฐเสียหายแน่นอน โดยจากนี้จะไปดำเนินการร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดกับนายกฯตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
“ที่สำคัญเครื่องมือ biometrics วันนี้ใช่ได้จริงหรือไม่ เพราะมีการพูดถึงคดีวันเอ็มดีบี ข่าวบอกว่าคู่กรณีผ่านด่านตลอด มีหมายจับจากมาเลเซีย เราก็ไม่จับเขา ให้เข้าออกบ้านเราหลายครั้ง ที่สำคัญมีหมายแดงจากสิงคโปร์ ก็ไม่จับเขา ที่สำคัญโครงการนี้นายกฯ ถูกล่าวหาเสียหายไปทั่วโลก ผมก็ยังไม่เชื่อ ขอให้นายกฯ ใช้โอกาสนี้ชี้แจง ผมได้ข้อมูลมาว่า มีนาย พ. มีบริษัทชื่อ ส.กับ ข. ชื่อจริง-นามสกุลจริงอยู่ที่ผม สิ่งที่ผมตกใจมากกว่านั้นคือมีเงินโอนเข้ามาในบัญชีหมื่นกว่าล้านบาท มาอย่างไร มาจาก 1MBD หรือไม่ ซึ่งบัญชีอยู่ที่ผม เงินหมื่นล้านบาทมาได้อย่างไร เพราะกฎธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า หากมีการโอนเงิน 2 ล้านบาท ต้องแจ้งที่มาที่ไปด้วย ผมจึงนึกถึงว่าเป็นไปได้หรือไม่เลือกตั้งที่ผ่านมา เป็นเงินเหล่านี้หรือไม่”