นายกฯ โต้ฝ่ายค้านแจงจัดทัพ ครม.ชี้แจงยาวเพื่อต้องการสร้างการรับรู้ข้อมูลที่เป็นจริงต่อประชาชน เพราะโครงการหนึ่งมีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายค้านโวยไม่รู้กาลเทศะ “ศุภชัย” แนะวิปสองฝ่ายไปตกลงเรื่องเวลาใหม่
วันนี้ (25 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลในวันที่ 2 ตั้งแต่ช่วงเช้า ได้มีรัฐมนตรีอีกหลายคนทยอยชี้แจง ได้แก่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงเรื่องการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีทอง บนถนนเจริญนคร เชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสผ่านห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ถูกมองว่าเอื้อนายทุน, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงเรื่องการใช้อำนาจมาตรา 44 มาแทรกแซงทีวีดิจิทัล และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เรื่องการเอื้อประโยชน์นายทุนในการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดย ครม.ใช้เวลาชี้แจงร่วมชั่วโมงกว่า ทำให้ฝ่ายค้านรุมประท้วงที่ปล่อยให้ ครม.ชี้แจงเป็นจำนวนมาก อาทิ นายจุลพันธ์ อมรวิฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่าเวลานี้ฝ่ายค้านเหลือผู้อภิปรายอีก 40 คน ต้องใช้เวลาอีก 40 ชั่วโมง ในช่วง 2 วันที่เหลือ ถ้าเป็นแบบนี้หากฝ่ายค้านยังอภิปรายไม่จบหวังว่ารัฐบาลคงไม่ชิงปิดอภิปราย ทั้งที่ฝ่ายค้านยังอภิปรายค้างอยู่ ดังนั้นจึงขอให้มีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อขยายเวลาอภิปรายไปอีก 3 วัน
ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหารสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า รัฐมนตรีสามารถอ้างสิทธิการอภิปรายได้ แต่ถ้าอ้างมากไปการอภิปรายก็ไปไม่ได้ ต้องดูกาลเทศะด้วยว่า ควรให้ใครพูดมากกว่าและควรพูดเวลาใด ถ้าฝ่ายค้านพูด 1 คน แต่รัฐมนตรีขึ้นมาชี้แจง 5 คน คงไม่ใช่ อีกทั้งรัฐมนตรีที่ลุกขึ้นมาชี้แจงไม่ชี้แจงข้อกล่าวหาอย่างเดียว แต่พูดแสดงความเห็นเรื่องอื่นด้วย ถ้ายังทำกันอยู่แบบนี้ฝ่ายค้านขอยกเลิกข้อตกลงเรื่องเวลาที่ทำกับฝ่ายรัฐบาลทั้งหมด สิทธิต้องมาคู่กับความเหมาะสม การอภิปรายครั้งนี้ถ้าตนไม่เป็นผู้กล่าวปิดการอภิปรายก็ปิดไม่ได้ ตนไม่ขอเป็นสุภาพบุรุษกับคนที่ไม่เป็นสุภาพบุรุษ
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ฝ่ายรัฐบาลใช้เวลาของรัฐบาล ส่วนฝ่ายค้านก็ใช้เวลาของฝ่ายค้าน สิ่งที่ต้องร่วมมือกันคือการปฏิรูปการเมือง การปฏิรูปสภา ให้เป็นที่ยอมรับ ไม่ใช้เวทีสภาเป็นการฆ่าฟันทิ่มแทงกัน เราต้องการสร้างความรับรู้แก่ประชาชน จึงต้องให้หลายกระทรวงช่วยกันชี้แจง เหตุผลที่ต้องพูดกันในหลายกระทรวง เพราะโครงการหนึ่งเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง จึงต้องการให้ประชาชนรับทราบข้อมูล เราต้องการความร่วมมือ สภาถือว่ามีส่วนสำคัญ และประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะผิดหรือถูก เราใช้เวลาของเราก็ตัดเวลาไป ถ้ามีเวลาเหลือก็พูด ถ้าไม่มีเวลาเหลือก็ไม่พูด
ขณะที่นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมชี้แจงว่า ประธานที่ประชุมต้องยึดข้อบังคับการประชุม เพราะข้อบังคับการประชุมบอกว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมีสิทธิชี้แจงทันทีเมื่อผู้อภิปรายแต่ละคนพูดจบ หรือจะรอรวบยอดไว้ชี้แจงทีเดียวเลย ดังนั้น ประธานจะตัดสินใจเป็นอื่นไม่ได้ กรณีนี้อยากให้วิปทั้งสองฝ่ายไปตกลงกันเรื่องเวลาที่เหลือกันก่อน ซึ่งนายสุทินกล่าวตอบว่า นายกรัฐมนตรีและวิปรัฐบาลเข้าใจผิด ที่ผ่านมาไม่เคยตกลงเรื่องเวลาว่า ฝ่ายใดได้เวลาเท่าใด เราตกลงกันว่าให้ฝ่ายค้านพูดได้เต็มที่ ส่วนฝ่ายรัฐบาลให้ชี้แจงตามความเหมาะสม ก่อนที่นายศุภชัยจะขอให้วิปทั้งสองฝ่ายไปตกลงกันเรื่องเวลาให้ดี ก่อนจะตัดบทเข้าสู่การประชุมต่อไป
