“แรมโบ้” เย้ย พท. “ยุทธการอรุณรุ่งริ่ง” เปรียบดังมวยล้มต้มคนดู พลาดเป้าปลิดชีพตัวเอง ถูกย้อนศรขุดโกง-นิรโทษกรรมตอกกลับ หยาม “เหลิม” หมดราคา มุ่งแต่ปั่นหัวนายใหญ่ หมกมุ่นแต่แย่งอำนาจเจ้าแม่ กทม. ขณะที่ “โจ้” ทำคนอีสานอับอาย หลังโชว์ไร้วุฒิภาวะในสภา
วันนี้ (25 ก.พ.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการทีมวอร์รูมนอกสภา ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ถือเป็นมวยล้มต้มคนดู โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของขุนพลฝ่ายค้านอย่างนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ที่ทำหน้าที่น่าผิดหวัง ไม่สมดังที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย ให้คำมั่นไว้ ไม่ทราบว่า ร.ต.อ.เฉลิม ฝีไม้ลายมือหดหายไปไหนแล้ว หรือมุ่งแต่เอาใจและเป่าหูนายใหญ่เพื่อ แก่งแย่งอำนาจกับเจ้าแม่บางคนในเพื่อไทยอยู่ในเวลานี้หรือไม่
ขณะที่การทำหน้าที่ของนายยุทธพงศ์ ตนรู้สึกอับอายแทนคนอีสาน เพราะทำตัวได้เสียมารยาท และยังขาดวุฒิภาวะ จนทำให้เกิดการประท้วงในสภาหลายครั้งจนทำให้ชาวบ้านเอือมระอา โดยเฉพาะพี่น้องชาวมหาสารคามที่อายแทนผู้แทนของพวกเขาที่ทำหน้าที่อย่างไร้ราคา จนกระทั่งต้องโทรศัพท์ฝากมาที่ตนให้ช่วยขอบคุณนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ช่วยอบรมและเตือนสตินายยุทธพงศ์ให้ขึ้นมาจากน้ำเสียที พร้อมทั้งชื่นชม พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ทำหน้าที่ได้สมศักดิ์ศรี ชี้แจงข้อเท็จจริงทุกประเด็นแบบเนื้อๆ ไม่เน้นน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดินพ่อ หรือเรื่องเช่าพื้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ด้วยคนที่มีวุฒิภาวะทั้งกิริยาและทางวาจา ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
นายสุภรณ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ การอภิปรายของฝ่ายค้านมุ่งแต่กล่าวหารัฐบาลจนเกิดความสับสน นำเสนอข้อมูลเท็จ เป็นการเมืองแบบเก่ามุ่งใส่ร้ายป้ายสี จนลืมไปว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาล้วนมาจากรัฐบาลในอดีตที่สร้างความเสียหายให้ประเทศอย่างไม่สามารถจะประมาณการได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุจริตคอร์รัปชันในโครงการรับจำนำข้าว หรือ การออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยเพื่อช่วยเหลือนายใหญ่เพียงคนเดียว ซึ่งการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านนอกจากพลาดเป้าแล้ว ยังย้อนกลับมาปลิดชีพตัวเองอีกด้วย จนเป็นเหตุให้สื่อมวลชน และคอลัมนิสต์หลายสำนัก พาดหัวในทำนองเดียวกันว่า “ยุทธการอรุณรุ่งริ่ง”, “อรุณร่วง” และขุดโกง-นิรโทษกรรมตอกกลับฝ่ายค้าน” เป็นต้น