รองโฆษก ทบ.เผยไฟป่านครนายกแนวโน้มดีขึ้น ทบ.ยังคงใช้ MI-17 และ KA-32 บินโปรยน้ำเสริมด้วยกำลังภาคพื้นดิน ระบุใช้ ร.ร.นายร้อย จปร.เป็นที่ตั้งฐานปฏิบัติการบิน ยันไม่ใช่แค่ปกป้องหน่วยทหาร แต่เน้นดูแลชุมชน ปชช.
วันนี้ (24 ก.พ.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ บริเวณช่องยางแดง ต.ชะอม อ.แก่งคอย จ.สระบุรี และขยายวงเข้าเขตพื้นที่จังหวัดนครนายก ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ถึงปัจจุบัน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1,000 พันไร่ โดยขณะนี้ทุกภาคส่วนบูรณาการร่วมดับไฟป่า ประกอบไปด้วยจังหวัดนครนายก, กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, เจ้าหน้าที่ป่าไม้,องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำหรับกองทัพได้ระดมทั้งยุทโธปกรณ์ และกำลังพลเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศ โดยจัดกำลังจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า, กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์, มณฑลทหารบกที่ 12 และ 13 ร่วมกับโรงเรียนเตรียมทหาร นอกจากนี้ กองทัพบกยังสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ MI-17 2 เครื่อง บินโปรยน้ำร่วมกับเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย KA-32 ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยโดยปฏิบัติการบิน ตั้งแต่ 22 กุมภาพันธ์ 2563 จนถึงปัจจุบัน ได้บินบรรทุกน้ำจากแหล่งน้ำในบริเวณโดยรอบไปโปรยในพื้นที่เป้าหมายแล้ว 101 เที่ยวบิน จำนวน 320,500 ลิตร เพื่อลดความร้อนในจุดที่เพลิงลุกไหม้ ทำให้กำลังภาคพื้นดินสามารถเข้าไปดับไฟ และใช้รถบรรทุกน้ำฉีดน้ำดับไฟได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ เฮลิคอปเตอร์ทั้ง 3 ลำใช้พื้นที่ภายในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเป็นฐานปฏิบัติการบินรวมถึงการเติมเชื้อเพลิง การเตรียมความพร้อมและการปรนนิบัติบำรุงอากาศยาน
ตลอด 3 วันที่ผ่านมา สามารถดับไฟได้ใน 3 พื้นที่สำคัญ ได้แก่ บ้านวังรี บ้านเขาแหลม อ.เมืองฯ และบริเวณเขาชะพลู รอยต่อระหว่างโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า กับโรงเรียนการสัตว์ กรมการสัตว์ทหารบก ซึ่งยังคงต้องเฝ้าระวังควบคุมไฟไม่ให้กระจาย สำหรับพื้นที่ที่ไฟยังคงปะทุอยู่ ได้แก่ บนเขาสูงหลังโรงเรียนเตรียมทหาร และเขาชะพลูด้านหลังโรงเรียนการสัตว์ กรมการสัตว์ทหารบก ทั้งนี้ ได้มีการสำรวจจุดความร้อนและติดตามสถานการณ์ตลอดเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับปฏิบัติการทางอากาศและการใช้รถบรรทุกน้ำจะให้ความสำคัญกับพื้นที่เกิดไฟป่าที่ใกล้กับชุมชน และบ้านเรือนประชาชนเป็นลำดับแรก ส่วนในพื้นที่หน่วยทหารโดยเฉพาะโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าได้ใช้กำลังทหารเดินเท้าเข้าดับไฟเป็นหลัก
ล่าสุด ในวันนี้ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่านครนายกได้ส่งกำลังเข้าปฏิบัติการดับไฟป่ามี 2 จุด คือ บริเวณเขาพระ เขาทุเรียน และพื้นที่หลังโรงเรียนเตรียมทหาร โดยมีแผนใช้เฮลิคอปเตอร์ทั้ง 3 เครื่อง บินโปรยน้ำควบคู่ไปกับชุดปฏิบัติการภาคพื้นดิน คาดว่าสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น หากไม่มีกระแสลมมาทำให้เกิดการปะทุใหม่ ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบก มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว กำชับให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก เตรียมการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยเฉพาะยุทโธปกรณ์และอากาศยานหากได้รับการร้องขอ อย่างไรก็ตาม กองทัพบกจะยังคงสนับสนุนภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่ดังกล่าวจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าเฮลิคอปเตอร์บินดับไฟโปรยน้ำป้องกันเฉพาะพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของหน่วยราชการนั้น ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เหตุที่มีผู้พบเห็นเฮลิคอปเตอร์บินเข้ามาใน โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าอย่างต่อเนื่องนั้น เฮลิคอปเตอร์ไม่ได้มาเพื่อดับไฟแต่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เป็นฐานปฏิบัติการบินที่เฮลิคอปเตอร์ต้องเข้ามาเติมเชื้อเพลิง ปรนนิบัติบำรุงอากาศยานเท่านั้น ส่วนการป้องกันไฟไม่ให้ลุกลามเข้ามาในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้านั้น ใช้กำลังภาคพื้นดินซึ่งเป็นกำลังพลของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเป็นผู้ปฏิบัติหลัก จึงขอให้เข้าใจในข้อเท็จจริงดังกล่าว ทั้งนี้ ขอยืนยันอีกครั้งว่าศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่านครนายก มีแนวทางการปฏิบัติงานอย่างชัดเจนในการนำเครื่องมือบรรเทาภัยจากทุกส่วนราชการที่นำมาสนับสนุนในภารกิจครั้งนี้ไว้เพื่อการดับไฟ และป้องกันพื้นที่ชุมชนและบ้านเรือนประชาชนเป็นลำดับแรก