xs
xsm
sm
md
lg

น่าสงสาร! “ปวิน” ติงเอาลูกมาขึ้นสังเวียนให้คนด่า จวกสาวกยก “ทอน” เยี่ยง “พระเจ้า” ข่ม “พรรคพ่อแม้ว”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ปวิน” มาชุดใหญ่ไฟกระพริบ ติงใช้ลูกมาเล่นเกม เอาความไร้เดียงสามาเรียกคะแนนสงสาร แต่หารู้ไม่ เมื่อขึ้นสังเวียนเด็กหรือผู้ใหญ่ก็โดนด่าเหมือนกันหมด จวกสาวก “ส้มหวาน” สรรเสริญ “ทอน” เยี่ยง “พระเจ้า” ไม่อยากเปรียบกับ “พรรคพ่อแม้ว”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(23 ก.พ.63) เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ของ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ผู้ต้องหาหลบหนีคดีละเมิดม.112 และสาวก “พ่อแม้ว”

โพสต์ข้อความที่น่าสนใจไล่ตั้งแต่ “เด็กผู้หญิง 9 ขวบ เขียนจดหมายถึงองค์การระหว่างประเทศ เป็นภาษาอังกฤษ ฟ้องว่า พ่อ ซึ่งเป็นนักการเมืองและหัวหน้าพรรค ถูกกลั่นแกล้ง และไม่ได้รับความเป็นธรรม เลยไปไกลถึงการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน

ดิชั้นได้มีโอกาสอ่านจดหมายเปิดผนึกฉบับนั้น ต้องยอมรับว่า ภาษาที่ใช้และไวยากรณ์ ถูกต้องในระดับหนึ่ง เกินมาตรฐานเด็ก 9 ขวบทั่วไปในกะลาแลนด์ ที่แน่ๆ ทักษะภาษาอังกฤษ เกินกว่าผู้นำไทยฟากรัฐบาลหลายคน

...ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เด็กน้อยคนนั้นเขียนจดหมายฉบับนั้นเองหรือเปล่า ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าใครเขียนให้ ประเด็นอยู่ที่การใช้เด็กน้อยเป็นเครื่องมือส่งเสียงทางการเมือง

ฝ่ายอนาคตใหม่อาจไม่พอใจที่ดิชั้นเขียนแบบนี้ เหมือนกับดิชั้นกำลังตั้งคำถามความไร้เดียงสาของเด็ก โทษนะคะ ไม่มีเด็กไร้เดีียงสาคนไหนเขียนจดหมายที่มีนัยทางการเมืองแบบนี้ เมื่อตัดสินใจเขียนจดหมายออกสู่สาธารณชน เด็กน้อยคนนี้ต้องได้รับการวิจารณ์เหมือนผู้ใหญ่ก็เท่านั้น

...ตอนแรกดิชั้นก็คิดว่า มันเป็นกลยุทธ์ที่แยบยล ใช้ความไร้เสียงดาของเด็กมาร่วมการต่อสู้เพื่อพ่อ แล้วแถมเป็นเด็กผู้หญิง ที่มีความน่ารัก น่าเอ็นดู ใครกล้าด่าเด็กก็จะดูไม่ดี แต่มันเป็นเกมที่เสี่ยง ไม่มีสมาชิกครอบครัวไหนไม่ปกป้องคนของตัวเอง ไม่มีลูกคนไหนไม่ปกป้องพ่อ พ่อทำถูก ลูกต้องปกป้อง แม้แต่พ่อทำผิด ลูกยังต้องปกป้อง

นอกจากนี้ การลากเด็กอายุ 9 ขวบ เข้ามาสู่สังเวียนการเมือง ดิชั้นคิดว่า มันเปลืองตัว สงสารเด็ก เพราะตอนนี้ เด็กน้อยคนนั้นถูกฝั่งตรงข้ามด่าแบบไม่เหลือชิ้นดี ปล่อยให้เด็กเป็นเด็กเถอะค่ะ เร็วเกินไปที่จะให้หนูน้อยคนนั้น ต้องเข้ามาร่วมสังฆกรรมความเลวร้ายทางการเมือง

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ก็โพสต์ต่อเนื่อง ว่า

“หลายครั้งที่เหนื่อยใจกับสาวกส้มหวาน แน่นอน ถูกยุบพรรคแบบนั้น สาวกต้องโกรธ ต้องคลั่ง แต่สาวกที่รักขา อนาคตใหม่ ไม่ใช่พรรคแรกในจักรวาลกะลาเผือกที่ถูกยุบ พรรคที่เค้าประสบความสำเร็จมากกว่ามาก อาทิ ไทยรักไทย พลังประชาชน ก็ถูกยุบมาก่อน

ที่พูดนี่ไม่ได้เห็นด้วยกับการถูกยุบ แต่อยากเตือนสติว่า การยุบมันเป็นวัฒนธรรมทางการเมืองของชาติกะลามาหลายปีแล้ว การร้องกรี๊ดๆๆๆ เรียกหาความยุติธรรมมันไม่ได้ช่วยอะไร นอกจากว่า สาวกเหล่านั้น พร้อมจะสละส้นสูง แล้วเดินประท้วงตีนเปล่าบนถนน อันนั้นดิชั้นสนับสนุนเต็มที่

....แต่มันอาจไม่เกิดนะสิคะ ทีนี้พอมันไม่เกิด แล้วได้ยินเสียงสาวกสรรเสริญธนาธรเยี่ยงพระเจ้า พร้อมกับด่าคุณพ่อแม้วของดิชั้นในเวลาเดียวกัน ดิชั้นรับไม่ได้ สาวกจะโกรธเมื่อมีคนเอาพรรคส้มหวานไปเปรียบกับพรรคพ่อแม้ว สาวกจะบอกว่า พรรคส้มของนางดีกว่า อร่อยกว่า เที่ยงธรรมกว่า และชอบธรรมกว่าพรรคพ่อแม้ว

ภาพจากแฟ้ม
ดังนั้น ใครหน้าไหนอย่าได้เอากรณีพรรคส้มหวานถูกยุบไปเปรียบกับพรรคไทยรักไทยถูกยุบ เพราะมันคนละเกรด คนละลีค คนละความชอบธรรม... เอ่อ สาวกคะ อย่างน้อยพรรคพ่อแม้วเค้าได้พิสูจน์ให้เห็นถึงนโยบายที่จับต้องได้มาก่อน ส่วนพรรคส้มหวานยังไม่ได้พิสูจน์อะไรทั้งสิ้น อย่าเพิ่งโก่งราคาตัวเองขนาดนั้น เตือนสติเบาๆ ค่ะ อย่าขึ้นราคาสินค้าหากผู้บริโภคยังไม่ได้ลองสินค้าตัวนั้นนะคะ ด้วยรัก

และต่อมา เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ก็โพสต์ตบท้ายประเด็นนี้ว่า

“สรรเสริญพ่อไปแล้ว ทีนี้ถึงตอนสรรเสริญลูกบ้าง เด็กอร้าย เก่งเกิน แค่ 9 ขวบ เขียนภาษาอังกฤษได้ดีกว่าลุงอายุ 70 แถมรู้จัก UN ด้วยนะ มีความคิดเป็นของตัวเอง รู้อะไรผิด อะไรถูก รู้จัก exercise her rights เข้าใจการเมืองไทย รู้คอนเซ็ปท์สิทธิมนุษยชน คงมีการหารือกันในครอบครัวแล้ว และน้องคงแสดงความเห็นทางการเมืองได้อย่างเสรี ซึ่งพ่อแม่ไม่อาจปิดกั้นความเห็นของลูกได้

เนี่ย รออีกหน่อยเถอะ พอพ่อพ้นแบนอีก 10 ปี น้องเค้าก็อายุ 19 ก็เลือกตั้งได้แล้ว ขอเวลาอีก 10 ปี พออายุ 29 คงได้เป็นนายกหญิงคนที่ 2 ของเมืองไทย นี่ดิชั้นก็เตรียมฉลองล่วงหน้า 20 ปีเลยค่ะ

ปล: เป็นความเห็นที่ประมวลมาจากสาวกส้มหวานค่ะ

ทั้งนี้เรื่องราวที่ “ปวิน” นำมาโพสต์วิจารณ์ดังกล่าว เนื่องมาจาก หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ออกมาแถลงถึงผลการตัดสินที่เกิดขึ้น รวมทั้งได้ขึ้นกล่าวปราศรัยต่อหน้าประชาชน ณ บริเวณหน้าที่ทำการพรรค หรือตึกไทยซัมมิท มีบางช่วงบางตอนของการปราศรัยที่เป็นไฮไลต์น่าสนใจ นั่นคือ การเปิดเผยข้อความในจดหมายที่ลูกสาววัย 9 ขวบของเขาเขียนขึ้นเอง และส่งถึง UN

โดยนายธนาธร กล่าวว่า ลูกสาวของผมอายุ 9 ขวบ เขาไม่เคยรู้เรื่องการเมือง เพราะผมไม่เคยไปบอกเล่าให้ลูกสาวฟังว่า ผมทำอะไรอยู่ มีแต่บอกคร่าวๆ ว่า ผมกำลังตั้งพรรคการเมือง แต่ไม่ได้บอกถึงมรสุมที่เราเผชิญ หลังจบจากงานที่ธรรมศาสตร์ เขาเดินออกมาเขียนจดหมายหา UN ซึ่งเนื้อหาจดหมายมีดังนี้

"ถึง…สหประชาชาติ, ฉันเป็นเด็กอายุ 9 ขวบ กำลังจะ 10 ขวบแล้วนะ ฉันมาจากประเทศไทย ฉันชื่อไอริ ฉันเขียนอีเมล์ฉบับนี้เพื่อคุณพ่อของฉันที่กำลังต่อสู้เพื่อสิทธิของเขา มีปัญหาในประเทศไทย…เกี่ยวกับรัฐบาลของเรา บางส่วนของรัฐบาล (จริงๆ ก็หลายส่วนเลย) ไม่เป็นธรรมต่อพ่อของฉันเท่าไร

“พ่อของฉันไม่ได้รับสิทธิมนุษยชนข้อที่ 6 ซึ่งก็คือ สิทธิที่ว่าด้วยเรื่องของการได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาค และเท่าเทียม เป็นธรรม ต่อหน้ากฎหมาย, ปัญหาก็คือ พ่อฉันมีพรรคการเมืองที่จ๊าบที่สุด และพวกเขากำลังจะยุบพรรคการเมืองของพ่อฉัน ซึ่งฉันคิดว่า พ่อของฉันไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าไร และหวังว่าพวกคุณจะเห็นด้วยกับฉัน ดังนั้น ช่วยมาช่วยพ่อของฉันหน่อยเถอะ พ่อของฉันกำลังต้องการความช่วยเหลือ ขอแสดงความนับถือ"

“จาก ไอริ”

แน่นอน, เป็นที่รู้กันดีว่า “ปวิน” เป็นสาวกตัวยงของ “ทักษิณ” ซึ่งก่อนหน้านี้เคยสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่มาก่อน แต่ตอนหลังมีความขัดแย้งกันถึงขั้นประกาศตามล้างตามเช็ดเลยทีเดียว

จึงไม่แปลก ที่โพสต์ของเขาจะมีการวิพากษ์วิจารณ์พรรคส้มหวานอย่างร้อนแรงเสมอมา และเหน็บแนมอย่างเจ็บแสบ แต่ก็มีเหตุมีผลรองรับให้น่ารับฟังอยู่ไม่น้อย อยู่ที่ใครจะเปิดใจรับฟังได้แค่ไหนเท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น