ปธ.วิปฝ่ายค้าน เผย 20 ก.พ.เตรียมยืนยันตัวผู้ซักฟอก รับเปิดหนังตัวอย่าง ชวนสังคมติดตาม มีเรื่องอภิปรายเกิน 5 เรื่อง โวมีเซอร์ไพรส์ หวังบีบพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว รับคงต้องเช็กเสียงหาก อนค.ถูกยุบ พร้อมปล่อยงูเห่า ชี้เลื้อยไปไหนก็เห็นหมด
วันนี้ (18 ก.พ.) นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน แถลงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 6 คนว่า ขณะนี้เตรียมตัวไปกว่าร้อยละ 95 แล้ว โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบความพร้อมขั้นสุดท้ายของแต่ละพรรค จะยืนยันตัวผู้อภิปรายอีกครั้งวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ขณะที่เรื่องเนื้อหาตอนนี้ลงตัวแล้ว เหลือเพียงความพร้อมด้านทักษะและความเชื่อมั่นในการอภิปรายของแต่ละคน โดยเฉพาะ ส.ส.หน้าใหม่ที่จะอภิปรายเป็นส่วนใหญ่ มีเฉพาะพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชาติเท่านั้นที่เป็น ส.ส.หน้าเดิม โดยจำนวนผู้อภิปรายทั้งหมดอยู่ไม่เกิน 34 ถึง 35 คน
ส่วนที่มีการเริ่มเปิดประเด็นเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่กรณีซื้อขายที่ดินย่านบางบอนเกินกว่าราคาประเมิน การต่อสัญญาสัมปทานศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ให้กลุ่มนายทุน จนไปถึงการย้ายโรงงานยาสูบไปนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ นายสุทินกล่าวว่า เป็นการเปิดประเด็นปลุกเร้า เป็นตัวอย่างบางตอนชวนให้สังคมสนใจและติดตาม เชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อรัฐบาล เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะเป็นการอภิปรายแบบมีส่วนร่วมทั้งในสภาและนอกสภา เชื่อว่าประชาชนและโซเชียลเน็ตเวิร์กจะติดตามตรวจสอบไปด้วย ดังนั้น การออกมาพูดถึงสาระบางข้อล่วงหน้า จะเป็นการเชิญชวนให้สังคมหาข้อมูลและตรวจสอบไปพร้อมกัน
นายสุทินเชื่อว่าจะมีเรื่องอภิปรายไม่ต่ำกว่า 5 เรื่อง ที่เกี่ยวกับการทุจริตประพฤติมิชอบ หรือการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งจะนำไปสู่การยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยืนยันว่ามีเรื่องเซอร์ไพรส์ อาจจะเป็นเรื่องที่ประชาชนรับทราบอยู่แล้ว แต่จะอภิปรายลงลึกถึงรายละเอียดจนถึงขั้นเอาผิดผู้ที่ถูกอธิบายได้ เพราะเรื่องที่ฝ่ายค้านคัดมาอภิปรายมีหลักฐานชัดทุกคน เอาผิดได้ และเชื่อว่าจะมีน้ำหนักถึงขั้นส่งแรงกดดันพรรคร่วมรัฐบาล แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพรรคร่วมรัฐบาลนั้นจะให้ความสำคัญ มีความเด็ดเดี่ยว หรือให้ความสำคัญต่อประชาชนมากแค่ไหน และเชื่อว่าพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในประชาชนและกระแสสังคมจะต้องลุกขึ้นมายื่นคำขาดให้พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลทำอะไรสักอย่างหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เช่นเดียวกับกรณีที่พรรคพลังธรรมถอนตัวออกจากรัฐบาลนายชวน หลีกภัย จนเกิดการยุบสภา แต่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับระดับจิตสำนึกของแต่ละคน
ส่วนการเคลื่อนไหวนอกสภาควบคู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุทินกล่าวว่า ภาคส่วนทางสังคมหรือองค์กรต่างๆ ทางการเมืองคงเคลื่อนไหวกันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็คงต้องรับฟังความเห็นจากโซเชียลเน็ตเวิร์กด้วย แม้ในสภาลงมติ แต่ข้างนอกก็คงลงมติเช่นกัน ดังนั้นจำนวนมือในสภาจึงมีความสำคัญน้อยลง แม้เสียงส่วนใหญ่ในสภาจะให้ความไว้วางใจ แต่ข้างนอกอาจจะเห็นกันคนละอย่าง
นายสุทินเปิดเผยด้วยว่า คงมีการเช็กเสียงของฝ่ายค้านที่จะลงมติในกรณีพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ และคงหายไปเฉพาะกรรมการบริหารพรรค ส่วนบุคคลที่จะอภิปรายมีคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ 3 คน หากถูกยุบพรรค ทางพรรคอนาคตใหม่ก็มีระบบจัดคนอภิปรายทดแทนอยู่แล้ว
ส่วนโอกาสที่เสียงของฝ่ายค้านจะไปยกมือให้ฝ่ายรัฐบาลมากขึ้น นายสุทินกล่าวว่า คราวนี้ไม่ค่อยให้ความสำคัญเรื่องจำนวนเสียง เพราะสู้ฝ่ายรัฐบาลไม่ได้อยู่แล้ว แต่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับสาระที่จะอภิปรายและกระแสทางสังคมมากกว่า หากจะมีงูเห่าไปสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลก็ไม่ต้องไปควบคุมอะไรมาก เพราะขณะนี้สังคมเป็นผู้มาช่วยควบคุมแล้ว ซึ่งงูเห่ารุ่นพี่ก็ได้รับผลกระทบมากแล้ว และขณะนี้ยังไม่มีกระแสข่าวการให้ผลประโยชน์หรือแจกกล้วย แต่ยังไม่แน่ในช่วงเวลาที่ใกล้การอภิปรายไม่ไว้วางใจมากกว่านี้ ซึ่งการตรวจสอบงูเห่าให้ดูจากการลงมติที่แตกต่างจากพรรคโดยไม่มีคำอธิบาย หรือการพูดหรือไม่พูดในสิ่งที่ควรทำ ดังนั้น งูเห่าจะเลื้อยไปไหนก็เห็นหมด พร้อมเปิดเผยด้วยว่า ฝ่ายค้านจะมีการสัมมนาเตรียมความพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ระหว่างวันที่ 20 ถึง 23 กุมภาพันธ์นี้ โดยไม่เปิดเผยสถานที่เนื่องจากแต่ละพรรคก็จะแยกกันเตรียมข้อมูล และจะมีการหารือร่วมกัน