ส.ส.กทม. พปชร. เผย ใครพบหลักฐานเสียบบัตรแทนต่อจากนี้ รับไปเลย 1 แสน โวมีกว่า 500 ล. ไม่กระทบให้รางวัลไปสัก 10 ล. ชี้ ไม่ได้ทำแค่ รบ. หวังดัดหลังคนไม่รับผิดชอบ ชี้ “เสรีพิศุทธ์” จะฟ้องรกศาล ขู่ฟ้องกลับ
วันนี้ (12 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.38 น. นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ แถลงว่า จากปัญหาการเสียบบัตรแทนกันของ ส.ส.จนทำให้การบังคับใช้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ต้องล่าช้าออกไป ไม่เป็นที่ไว้วางใจกับประชาชน ดังนั้น ตนคิดว่า นับจากวันนี้เป็นต้นไป หากสื่อมวลชนและพลเมืองดีทั่วไป พบ ส.ส.มีการเสียบบัตรแทนกัน 2 ครั้งขึ้นไป กับการลงมติกฎหมายทุกฉบับ รวมทั้งญัตติต่างๆ หากมีหลักฐานดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือวิดีโอสามารถรับเงินกับตนได้ เหตุการณ์ละ 1 แสนบาท โดยไม่จำกัดเหตุการณ์ แต่ห้ามก๊อบปี้ภาพเขาแล้วมารับเงิน โดยหลักฐานดังกล่าวไม่ต้องผ่านการตรวจสอบในชั้นศาล หรือตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบ แต่สามารถมารับเงินโดยตรงกับตนได้เลย เพราะตนมีทรัพย์สินถึง 500 ล้านบาท คิดว่างานนี้คงไม่เกิน 10 ล้านบาท ยังเหลือเงินอีกตั้ง 490 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่นำหลักฐานมาเปิดเผย ตนมีวิธีปกปิดไม่ให้ได้รับผลกระทบตามมา
นายสิระ กล่าวว่า สาเหตุที่ตนทำเช่นนี้ เพราะเชื่อว่าการเสียบบัตรแทนกัน ไม่มีเฉพาะฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น แต่มี ส.ส.ฝ่ายค้านด้วยหรือไม่ ตนจึงต้องการดัดหลังคนที่ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ สร้างความเสื่อมเสียต่อสภา และต้องการให้การทำงานของ ส.ส.โปร่งใสซื่อสัตย์สุจริต ตามที่สาบานตนไว้
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมใจไทย ในฐานะประธานากรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า จะฟ้องดำเนินคดีกับบุคคลที่ทำให้ตนเองพ้นจากตำแหน่งประธานกรรมาธิการ ป.ป.ช.นั้น นายสิระ กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิ์ แต่หากเป็นการฟ้องร้องเท็จ ตนก็จะฟ้องดำเนินคดีกลับกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่า เรื่องดังกล่าวไม่ควรทำให้คดีความรกศาล เพราะมีการฟ้องร้องกันเยอะแล้ว แต่ควรจะหันมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวในสภาจะดีกว่า