"บิ๊กตู่" เยี่ยมชมนิทรรศการ "ดิจิทัลสตาร์อัพ" เทคโนโลยีการเงินแก้หนี้ แนะต้องร่วมมือ ไม่ใช่ร้องเรียนไปเรื่อย ห่วงอุบัติเหตุบนถนน โอดเข้มแบบ ตปท.ก็บ่นเดือดร้อน ชี้ประชาธิปไตยต้องร่วมในสิ่งที่ควร วอนสื่อนำเสนอสิ่งดี ไม่เช่นนั้นมีปัญหา
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมคณะผู้บริหาร เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพื่อนำเสนอนิทรรศการวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น (Digital Startup) ด้านเทคโนโลยีเพื่อการเงิน (FinTech) โดยนายกฯ ได้ทดลองเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญผ่านระบบพร้อมเพย์ และได้แนะนำว่าบางทีใช้ได้จริงแต่ค่าบริการแพงเกินไป ฝากเจ้าของกิจการมีคุณธรรมอย่าตั้งราคาสูงเกินไป เดี๋ยวจะว่าไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม วันนี้รัฐบาลพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และทำหลายๆ อย่างที่ไม่เคยมีมา ตนวิเคราะห์ว่าในอดีตที่ไม่ทำเรื่องเหล่านี้
เขาไม่ทำเรื่องยากเพราะมันต้องใช้เวลาอธิบายต่อสังคม แต่ละอย่างต้องใช้เวลาเป็นปีในการผลิต แต่เราก็เริ่มมาตั้งแต่ 5 ปีที่ผ่านมา หลายคนบอกว่า 5 ปีไม่ได้ทำอะไรเลย ขอชี้แจงว่ามันต้องมีเวลาเตรียมการปรับรูปแบบการทำงาน และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามา สมัยก่อนจะเห็นได้ว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ค่อยได้ออกมาสู่ประชาชน แต่ตอนนี้เราได้ปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะการใช้จีวอลเล็ต พร้อมเพย์ และมีสตาร์ทอัพมาร่วมขับเคลื่อน
ก่อนที่นายกฯ จะเยี่ยมชมเทคโนโลยีเพื่อการเงิน (FinTech) ที่ช่วยแก้ปัญหาหนี้สิน พร้อมกล่าวว่า ปัญหาหนี้สินต่างๆ ของประชาชน คนที่เป็นหนี้ก็ต้องให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาขอตัวเอง ไม่ใช่ร้องเรียนไปเรื่อย หากตัวเองไม่แก้ไขก็จะแก้อะไรไม่ได้ทั้งนั้น ตราบใดที่หนี้เก่ายังอยู่ หนี้เก่าก็จะเพิ่มขึ้น รัฐบาลนี้ให้ความสนใจเรื่องนี้มาโดยตลอด ข้าราชการ ครู ทหาร ตำรวจ เป็นหนี้กันทุกคน ที่นั่งอยู่แถวๆ นี้ที่เป็นหนี้ก็มี แต่เป็นหนี้ที่มีมูลค่าหรือเปล่า เช่น การผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนสิ่งที่จำเป็น คำว่าหนี้ครัวเรือน ไม่ใช่เอาตัวเลขทั้งหมดมาหารด้วยคนแล้วเหลือคนละ 2 แสน บางคนไม่ถึง บางคนก็มากกว่า เพราะฉะนั้น ถือว่าเป็นตัวเลขโดยเฉลี่ย คนที่เป็นหนี้ก็ต้องดูว่าตัวเองอยู่ในลักกษณะไหน แล้วแก้ตรงนั้น ถ้าไม่ช่วยกันแก้ รัฐบาลจะไปชำระหนี้ให้ทุกคนคงไม่ได้ เพียงแต่หาการบริการชำระหนี้ให้ได้มากขึ้น ทำให้ถูกวิธีการ
จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมเทคโนโลยีความปลอดภัยการขับขี่ พร้อมระบุด้วยว่า ส่วนความปลอดภัยบนท้องถนน ทุกคนก็ต้องช่วยกัน เจ้าหน้าที่มีแต่เพียงบังคับใช้กฎหมาย แต่ถ้าตัวเองไม่ช่วยเหลืออะไรเลย ควบคุมอะไรไม่ได้ ปัญหาอุบัติเหตุก็เกิดขึ้น เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นจากมนุษย์ทั้งสิ้น ถ้าลดอุบัติเหตุได้จากพลขับ บริษัท สภาพรถ ซึ่งจริงๆ แล้วอยากให้ผลิตอุปกรณ์ที่สามารถแจ้งเตือนพลขับเกินกว่าเวลาที่กำหนด เช่น ถ้าเกิน 8 ชั่วโมง รถจะสตาร์ทไม่ติด หรือดื่มเหล้าบนรถจะไม่สามารถสตาร์ทรถได้ ต้องคิดแบบนี้ ตนเห็นเมืองนอกเข้มงวดเรื่องพวกนี้ ของเราพอเข้มงวดก็เดือดร้อน แต่ของเรามักจะรีบขับเพื่อทำรอบจนไม่ได้นอน เรื่องนี้ทุกคนต้องช่วยกัน รัฐบาลพยายามทำเต็มที่ รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายดูแล และทุกคนต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ วันนี้พอเขาเสนอให้ติดจีพีเอสป้องกันรถหาย แต่บางคนบอกบังคับเกินไป แต่พอเดือดร้อนก็ร้องขึ้นมา แล้วจะให้ทำอย่างไร ให้รัฐบาลต้องดูแล ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องแบบนี้ต้องดูแลตนเองกันบ้าง การติดกล้องหน้ารถจะช่วยแก้ปัญหาสู้ในทางคดีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ นี่แหละคือประชาธิปไตยทุกคนต้องร่วมมือกันทุกเรื่อง เขาเรียกว่าประชาธิปไตยที่แท้จริง ร่วมมือในสิ่งที่ควรจะต้องร่วมมือ อย่างไรก็ตาม นายกฯ ยังได้ขอสื่อมวลชนให้นำเสนอสิ่งดีๆ หากนำเสนอสิ่งไม่ดีมากไปมันก็จะทำให้มีปัญหา