xs
xsm
sm
md
lg

ถอดบทเรียน"วันวิปโยคโคราช" ชื่นชม "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ทุ่มเท กล้าหาญ-สุดยอดผู้นำ ** สดุดี “ผู้กองปุ๊” หัวหน้าชุดอรินทราช พลีชีพจับจ่าคลั่ง ชาวโซเชียลฯ ยกเป็นวีรบุรุษโคราช

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.ต.อ.จักรทิพย์- ร.ต.อ.ชานันท์ ชัยจินดา - จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา - พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแส - ร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษา (ล่าง)
ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ถอดบทเรียน"วันวิปโยคโคราช" ชื่นชม "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ทุ่มเท กล้าหาญ-สุดยอดผู้นำ

ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้ได้รับผลกระทบ และครอบครัวผู้สูญเสีย บาดเจ็บ และขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ทำงานหนักจากเหตุ "กราดยิงโคราช" จนถือเป็นวันวิปโยคโศกเศร้าของพี่น้องไทยทั่วประเทศ

เหตุการณ์สะเทือนขวัญดำเนินอยู่กว่า 17ชั่วโมงเศษ จึงยุติลง หลังจากนี้ความช่วยเหลือและเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจ ตลอดจนการให้กำลังกันและกันเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

คนไทยต้องก้าวข้ามไปด้วยกัน และมีบทเรียนที่จะต้องมาถอด และเรียนรู้เพื่อมิให้เหตุการณ์ร้ายๆ แบบนี้เกิดขึ้นได้อีก

แน่นอนว่า เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทุกๆอย่างเหมือนจะยุติลง แต่ก็เหมือนอาจจะเพิ่งเริ่มต้น

ว่ากันว่า เหตุยิงกราดอาจเป็นโรคระบาดได้ ถ้าไม่จำบทเรียน และปล่อยผ่าน อย่างในอเมริกาผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและอาชญากรรม ออกมาเตือนถึงการ "นำเสนอ" ... "การทำหน้าที่สื่อ" จะทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบนี้หลายครั้ง

เนื่องเพราะ พฤติกรรมของคนร้ายในสื่อทีวี โซเชียลมีเดีย นสพ. ยิ่งคนในสังคมรู้เยอะ และวิธีการรายงานข่าวที่ไม่ถูกต้อง จะสามารถนำไปสู่พฤติกรรมเลียนแบบของคนที่คิดแบบเดียวกันได้ และกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างที่เกิดขึ้นกับกรณีโคราช

เหตุครั้งนี้ สื่อถูกตำหนิในโลกออนไลน์มากที่สุด ซึ่งมาจากความพยายาม "ไลฟ์สด" นำเสนอสถานการณ์แบบเกาะติด ไม่ยั้งคิดผลที่ตามมา

ต้องรอดูต่อว่า กสทช. จะลงดาบกับสื่ออย่างไร ดังที่ "ฐากร ตัณฑสิทธิ์" เลขาฯกสทช. โพสต์ไว้ ได้เตือนสื่อแล้วทั้งๆ ที่ออกคำสั่ง และ โทร.ไปแจ้งก็แล้ว ช่องพวกนั้นยังฝืนรายงานอย่างไม่เหมาะสม

นี่ก็หนึ่งเรื่อง!

ขณะที่ปมประเด็นที่จุดชนวนว่าด้วยเรื่อง "ส่วนตัว" ของผู้ก่อเหตุ ที่ทวงเงินคืนจากคนทำธุรกิจจัดสรรบ้านพักให้ทหาร และนายหน้า ก็วิพากษ์วิจารณ์กันหนักหน่วง เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องขุดคุ้ย

ว่ากันว่า ผลประโยชน์ และเรื่องของธุรกิจ และผู้บังคับบัญชา จาก "โครงการจัดสรรที่ดินสร้างบ้านพักเพื่อขายให้บรรดาทหาร" มีนายหน้าเป็นตัวกลาง ทำหน้าที่ขายและจดจำนองให้ลูกค้า พอโครงการนี้ได้ซื้อขายกันเสร็จสิ้นแล้ว หลังจดจำนองพบว่า "มีเงินส่วนเกิน" ที่ต้องคืนให้ลูกค้าจำนวนหนึ่ง ข่าวที่ออกมาว่า มีจำนวน 50,000 บาท แต่บางกระแสก็ว่าน่าจะมากกว่านั้น หลักหลายแสน

ฝ่าย "นางอนงค์ มิตรจันทร์" เจ้าของบ้าน/ผู้เสียชีวิตรายแรก แม่ยายของ "พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแส" ผู้พันสรรพาวุธ ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ในฐานะเจ้านาย และสักขีพยาน ของ"จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา" หรือ "จ่าโจ๊ก" ผู้ก่อเหตุ อ้างว่า ได้ส่งมอบเงินให้ "นายหน้า" ซึ่งเป็นตัวแทนนำเงินไปส่งคืนแล้ว แต่คาดว่านายหน้าคืนเงินให้ไม่หมด ทำให้ "จ่าโจ๊ก" ทวงถามบ่อยครั้ง และก่อเหตุจากคำพูดเพียงคำเดียวว่า "อยากได้ให้ไปฟ้องเอาเอง" !

เรื่องเงินจะมากหรือน้อย สำหรับกับทหารผู้น้อยย่อมไม่น้อยแน่ ดูจากการติดตามทวงหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล ต้องมีอะไรบางอย่างที่น่าเคลือบแคลงสงสัย อย่าว่าแต่ความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้พันกับจ่า นั้นมีความแตกต่าง มีความเป็นอยู่กันคนละชั้น

เรื่องนี้กำลังถูกสั่งให้ตรวจสอบ เพราะหากเป็นไปในลักษณะของ "ผู้ใหญ่" ผู้เป็นนาย กดขี่เอารัดเอาเปรียบ "ผู้น้อย" ผู้ใต้บังคับบัญชาจนกลายเป็นความเคียดแค้น บันดาลโทสะ แล้วยิ่งรวมกับทักษะการใช้อาวุธ พอบันดาลโทสะ ผสมกับเป็นคนเล่นและติดตามโซเชียลฯ มีคนรู้เห็นด้วยเลยกลายเป็นความน่าสะพรึงจนก่อเหตุไม่มีใครคาดคิด

ทั้งเรื่อง "สื่อหิวเรตติ้ง" สื่อโซเชียลฯ และปมผลประโยชน์ส่วนตัวของผู้ก่อเหตุนี้ เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งที่สังคมต้องหาทางร่วมกันแก้ไข อย่าให้บทเรียนครั้งนี้เลยผ่านไป เพราะความสูญเสียครั้งนี้ ใหญ่หลวงมากแค่ไหนหัวใจคนไทยรู้สึกได้ทุกคน

ทีนี้ในความโศกสลด ก็มีเรื่องที่สะท้อนถึงหัวจิตหัวใจของคนไทยที่ไม่ทอดทิ้งกัน เราได้เห็นภาพของประชาชนต่อแถวบริจาคเลือด เพื่อผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลมหาราช แม้จะเป็นช่วงกลางดึก ค่อนคืน

ได้เห็นว่า กลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง อาสาพาคนจากห้างไปส่งที่บ้านไม่คิดเงิน ได้เห็นความมีน้ำใจจากใจถึงใจของห้างที่เป็นคู่แข่งกันในยามปกติ นำข้าวกล่อง น้ำดื่ม กาแฟ แจกเจ้าหน้าที่-นักข่าว

ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ คนที่ได้รับคำชื่นชม คือ "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ซึ่งทำหน้าที่ "ผู้นำ" ได้อย่างยอดเยี่ยม

ฟังว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ลงพื้นที่เข้าไปสั่งการเอง ร่วมกับทีม"อรินทราช" "หนุมาน" และ "นเรศวร" ตั้งแต่สามทุ่ม จนกระทั่งภารกิจได้ลุล่วง วิสามัญฯ"จับตาย" จ.ส.อ. จักรพันธ์ ถมมา ได้สำเร็จข่วงเกือบๆ 9 โมงเช้า ของอีกวัน จึงเดินออก นั่นแปลว่า ไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืน

ภารกิจนี้ ว่ากันตั้งแต่การเตรียมตัวแต่งกายในชุด "พร้อมสู้" ของ ผบ.ตร. ที่ลุยในสถานการณ์อันตราย เคียงบ่าเคียงไหล่ เจ้าหน้าที่ซึ่งก็รวมถึง "ผู้กองฮัท" ร.ต.อ.ชานันท์ ชัยจินดา ลูกชายคนโต ผู้บังคับการกองร้อย (สบ 2) กองกำกับการ 3 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน อย่างกล้าหาญ ได้ใจแก่ผู้พบเห็น

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สังคมได้เห็น การทำหน้าที่ปฏิบัติการข่วยทีมหมูป่า ที่ถ้ำหลวง เชียงราย หรือ กรณีโจรชิงทองที่ลพบุรี "บิ๊กแป๊ะ" ลุยด้วยตัวเองเช่นนี้เสมอ

พอนักข่าวขอสัมภาษณ์ ผบ.ตร. ก็ตอบสั้นๆ "เดี๋ยวให้นายกฯ มาแถลง" เรียกว่า ฮีโร่ตัวจริง ไม่โอ้อวด ไม่พูดมาก !

สุดท้ายนี้ขอร่วมไว้อาลัย และเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวโคราชมาอีกครั้ง #PrayForKorat

***สดุดี“ผู้กองปุ๊” หัวหน้าชุดอรินทราช พลีชีพจับจ่าคลั่ง ชาวโซเชียลฯ ยกเป็นวีรบุรุษโคราช

เหตุความคับแค้นส่วนตัวของจ่าทหารคนหนึ่ง สร้างความสูญเสียครั้งใหญ่ โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ...หนึ่งในเหยื่อกระสุน “จ่าโหด” ที่กราดยิงชาวบ้านอย่างบ้าคลั่งกลางเมืองโคราชก่อนจับคนในห้างเป็นตัวประกัน ก็คือ

ร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษา หรือ “ผู้กองปุ๊” ผบ.หมวด (สบ 1) กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ. หรือที่เรียกว่า “หน่วยอรินทราช” ... โดยเมื่อเวลา 03.17 น. ของวันที่ 9 ก.พ. ขณะที่คนร้ายยังคงอยู่ในห้างเทอร์มินอล 21 พร้อมตัวประกัน “ผู้กองปุ๊” พร้อมกำลังหน่วยอรินทราช พยายามเข้าจับกุมคนร้ายบริเวณชั้น LG ของห้างฯ จนเกิดการยิงต่อสู้กับคนร้ายอย่างต่อเนื่อง และผู้โชคร้ายก็คือ “ผู้กองปุ๊” ถูกกระสุนของ “จ่าโหด” บริเวณหน้าอกเสียชีวิต ขณะที่ตำรวจเพื่อนร่วมทีมบาดเจ็บอีก 2 นาย นับเป็นความสูญเสียที่คนในครอบครัวยากจะทำใจ แต่สิ่งที่ได้ตอบแทน คือเสียงสดุดีจากผู้คนในโลกโซเชียลฯ ในความกล้าหาญ เสียสละ ของ“ผู้กองปุ๊” ที่พร้อมพลีชีพเพื่อปิดปฏิบัติการจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว

สำหรับ ประวัติของ ร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษา หรือ”ผู้กองปุ๊”เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2527 อายุ 35 ปี ภูมิลำเนา ต.ผางาม อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ประวัติการศึกษา ระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนบ้านดงมะตื่น ต.ผางาม อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ระดับมัธยมศึกษา ที่โรงเรียนวัดห้วยเคียน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย ระดับ ปวช.-ปวส. ที่โรงเรียนโปลิเทคนิคเชียงราย อ.เวียงชัย จ.เชียงราย และหลักสูตร นสต. ศูนย์ฝึกอบรมตํารวจภูธรภาค 9 จ.ยะลา

ประวัติการรับราชการ 1 พ.ค. 2550 ได้รับแต่งตั้งยศเป็น ส.ต.ต. ดํารงตําแหน่ง ผบ.หมู่ ร้อย รพศ.2 กก.1 บก.สอ.บช.ตชด.

7 ก.ย. 2552 ดำรงตําแหน่ง ผบ.หมู่ กก.1 บก.สอ.บช.ตชด., 1 พ.ค. 2553 แต่งตั้งยศเป็น ส.ต.ท.,16 พ.ค. 2555 ได้รับการแต่งตั้ง ว่าที่ยศ และแต่งตั้งข้าราชการชั้นประทวนเลื่อนขั้นเป็นข้าราชการตํารวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งยศเป็น ว่าที่ ร.ต.ต. ดํารงตําแหน่ง รอง สว.งานธุรการ กก.สุนัขและม้าตํารวจ บก.สปพ.,

1 ม.ค. 2556 แต่งตั้งยศเป็น ว่าที่ ร.ต.ท., 22 พ.ค.2558 แต่งตั้งดํารงตําแหน่ง รอง สว.งานสายตรวจ/อารักขา กก.สุนัขตํารวจ ปัจจุบันดํารงตําแหน่ง ผบ.หมวด (สบ.1 ) กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ.


กำลังโหลดความคิดเห็น