นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน ส.ส.กาญจนบุรี พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ญัตติที่ตนได้ยื่นต่อรัฐสภา เป็นเรื่องของปัญหาที่ดิน ที่ทำกิน และการออกเอกสารสิทธ์ ตนขอยกตัวอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาในพื้นที่จ.กาญจนบุรี เรื่องที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย หากกล่าวถึงที่ดินของประเทศไทย พื้นที่ของประเทศไทยมีทั้งหมดโดยประมาณ 513,000 กว่าตารางกิโลเมตร ดังนั้นในจ.กาญจนบุรี มีพื้นที่ที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศไทย ซึ่งมีเนื้อที่อยู่ที่ประมาณ 19,473 ตารางกิโลเมตร หรือ 12,000 ไร่ ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่ที่ใหญ่ โดยจ.กาญจนบุรี ประกอบไปด้วย 13 อำเภอ ปัจจุบันมีประชากรประมาณ 8 แสนคน และปรากฏว่าพื้นที่ของจ.กาญจนบุรี ส่วนใหญ่เป็นป่าไม้ ภูเขา แม่น้ำลำธาร ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอนุรักษ์
นายยศวัฒน์ กล่าวว่า ในเขตของป่าสงวนแห่งชาติ และป่าอนุรักษ์นั้น มีเนื้อที่อยู่ประมาณ 8 ล้านไร่ เป็นที่ราชพัสดุที่ใช้ในราชการทหารประมาณ 1 ล้าน 5 แสนไร่ เป็นที่ดินที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ประมาณ 8 แสนไร่ และจะเหลือที่ดินที่ประชาชนสามารถมีเอกสารสิทธิ์เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินเพียงประมาณ 1 ล้าน 7 แสนไร่ ทั้งนี้ เนื้อที่ที่ดินของประเทศเราไม่มีทางที่จะงอกเงยขึ้นได้ แต่จำนวนประชากรของประเทศเราไม่มีวันที่จะลดลง มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้นประเด็นปัญหาจึงเกิดขึ้น ที่ดินนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะจำเป็นที่จะต้องใช้คู่ขนานในการทำกินของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาในธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศเราเป็นประเทศเกษตรกรรม
นายยศวัฒน์ กล่าวว่า ตนขอแบ่งประเด็นปัญหาที่ดินของจ.กาญจนบุรี มีด้วยกัน 4 ประเด็น ประเด็นแรก ปัญหาที่ดินทำกินที่อยู่อาศัย ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และป่าอนุรักษ์ ตามที่ตนได้ระบุไปว่าวันนี้ปัญหาดังกล่าวในที่ดินที่อยู่ในเขตป่าสงวนนั้นมีจำนวนประมาณ 8 ล้านไร่ ซึ่งรอคอยการพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองว่าใครที่ทำประโยชน์ก่อน หรือใครมาก่อนมาหลังการประกาศการใช้กฎหมายกำหนดเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือเขตป่าอนุรักษ์ จึงทำให้เกิดปัญหาการพิสูจน์สิทธิ์ การครอบครองเกิดขึ้น โดยเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. พ.ศ.2541 หรือประมาณ 22 ปีที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในขณะนั้นได้มีมติให้ความเห็นชอบกับมาตรการและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่า และให้ดำเนินการต่อไป
ซึ่งในขณะนั้นปรากฏว่าผลการพิสูจน์สิทธิ์ และการครอบครองตามมติครม.ดังกล่าว จนถึงวันนี้ยังไม่เสร็จสิ้นเป็นเวลา 22 ปี กำลังจะเข้าสู่ปีที่ 23 ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ทำให้ประชาชน ซึ่งอาศัยอยู่ในเขตของป่าเกิดปัญหา เกิดความไม่มั่นใจ จากการที่รอคอยการพิสูจน์สิทธิ์มานานเหลือเกิน ประชาชนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่จึงฝากตน ทั้ง ๆ ที่ส่วนใหญ่จะไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของการเป็นผู้แทนของตน ประชาชนได้ฝากตนมายังรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งประชาชนได้รับฟังมาตลอดว่ารัฐบาลในยุคของเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะในเรื่องของที่ดินทำกิน เรื่องนี้ขอฝากไปยังในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะเหลืออีกนิดเดียวคือเรื่องของการพิสูจน์สิทธิ์
ประเด็นปัญหาต่อมาเป็นเรื่องของที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยที่อยู่ในเขตของการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. เขตส.ป.ก. ในจ.กาญจนบุรี มีอยู่ประมาณ 8 แสนไร่ ปัญหาและสิ่งที่เป็นประเด็นใหญ่ ๆ มี 2 ประเด็น ประเด็นแรกเรื่องการออกเอกสารสิทธิ์ส.ป.ก. 4-01 มีความละเอียดอ่อนที่ต้องสอบปากคำบุคคล ซึ่งตรงนี้ดำเนินการต่อขาดงบประมาณ ประเด็นปัญหาที่ 2 การพิสูจน์สิทธิ์ครอบครองทำประโยชน์ในกรรมสิทธิ์ของที่ดินเพื่อที่จะให้กับประชาชน ซึ่งในขณะนี้ผลการพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองยังมีความล่าช้า และยังไม่เสร็จสิ้น ก็จะคล้ายกับประเด็นแรก ดังนั้นจึงขอเรียนประธานสภาฯ ผ่านไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งรับผิดชอบสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม ได้กรุณาเร่งรัด และให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ พร้อมงบประมาณเพื่อที่จะไปพิสูจน์และดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก. 4-01
นายยศวัฒน์ กล่าวว่า ต่อมาเป็นปัญหาในส่วนของเขื่อนศรีนครินทร์ ในเรื่องของที่ดินทำกินยังมีหลายอำเภอ โดยเฉพาะในส่วนของอ.ศรีสวัสดิ์ ที่ประชาชนประมาณ 900 กว่าครัวเรือนยังรอเอกสารสิทธิ์ในเรื่องของการพิสูจน์สิทธิ์ และสุดท้ายสำคัญที่สุดในเขตของตน เป็นข้อพิพาทกันระหว่างที่ดินทำกินที่อยู่อาศัยในเขตราชพัสดุที่ใช้ประโยชน์ในราชการทหาร ซึ่งครอบคลุมใน 9 อำเภอ โดยประวัติความเป็นมาเมื่อเริ่มมีพระราชกฤษฎีกาการหวงห้ามที่ดินของท้องถิ่น ในเขตอ.เมือง อ.วังขนาย อ.พนมทวน และอ.วังกะ จ.กาญจนบุรี เมื่อพ.ศ. 2481 ในส่วนนี้มีเนื้อที่ประมาณ 3 ล้าน 5 แสนไร่ แต่อยู่ในเขตของจ.กาญจนบุรี 3 ล้านไร่ และอยู่ในเขตจ.ราชบุรี คืออ.จอมบึง อยากให้เร่งเพื่อปากท้องของพี่น้องประชาชน
