เจ้าหน้าสนธิกำลังหลายฝ่ายตรวจสอบ "มอดไม้"แอบโค่นไม้หวงห้าม

เพชรบุรี - หน่วยรักษาป่าเพชรบุรี สนธิกำลัง จนท.หลายฝ่าย ตรวจสอบ"มอดไม้"แอบโค่นไม้หวงห้าม หนีรอดไปได้หวุดหวิด เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไม้หวงห้ามไว้เป็นของกลาง พร้อมติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

วันนี้( 31 ม.ค.) นายอรุณ สิงโต หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พ.บ.1 ยางชุม จังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ต.ธนวิทย์ วิจิตรจริยา สารวัตรกองกำกับตำรวจสืบสวนท่องเที่ยว3 และ ร.ต.อ.สุรินทร์ กริชเพชร รองสารวัตรกองกำกับการ5 กองกำกับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่17กรมป่าไม้ ร่วมกันเข้าตรวจสอบบริเวณพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติซึ่งอยู่ติดกับบ้านนากรวย หมู่ที่ 5 ต.พุสวรรค์ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

หลังได้รับแจ้งจากนายสุทิน ทิมเพชร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่4 ต.พุสวรรค์ อ.แก่งกระจาน ว่ามีผู้บุกรุกเข้าไปแผ้วถางป่าสงวนและกำลังตัดไม้ซึ่งเป็นของป่าหวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกาของป่าหวงห้าม พ.ศ.2530 แต่ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังเดินทางไปถึง ผู้บุกรุกได้ไหวตัวและชิงหลบหนีความผิดไปก่อนหน้านั้นได้อย่างหวุดหวิด

จากการตรวจสอบบริเวณที่ถูกบุกรุกแผ้วถาง พบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ1ไร่ 1งาน 98ตารางวา ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ายางน้ำกลัดเหนือและป่ายางน้ำกลัดใต้ ตรวจสอบพบไม้ฝาง ซึ่งเป็นของป่าหวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2530 ลำดับที่6 ถูกโค่นบั่นเป็นท่อนรวมกว่า50ท่อน คิดเป็นค่าเสียหายของรัฐเป็นเงินประมาณ 30,000บาท และพบไม้มะค่าโมง ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2530 ลำดับที่112 มีความยาว500 เซนติเมตร ถูกโค่นตัดและอยู่ระหว่างการแปรรูปจำนวน 1 ต้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายของรัฐเป็นเงิน 33,000บาท

นอกจากนั้นยังพบไม้หวงห้ามชนิดต่างๆอาทิ ไม้ยอป่า ไม้มะกอก ไม้ตีนนก ไม้จั่น ถูกบั่นเป็นท่อนซุกซ่อนอยู่ในโพรงหญ้าอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะมีความผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ฐาน ร่วมกันทำไม้หรือกระทำด้วยประการใดๆแก่ไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ม.48 และฐานมีไม้หวงห้ามประเภท ก.แปรรูป ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยจากการสืบทราบ

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวทราบตัวผู้กระทำความผิดในครั้งนี้แล้ว ซึ่งเป็นลูกน้องของนาย อ.ผู้กว้างขวางและเป็นคนที่มีชื่อเสียงในพื้นที่อำเภอแก่งกระจาน จึงได้จัดทำบันทึกผลการตรวจยึดของกลางเข้าแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน เพื่อติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป