รองโฆษกรัฐบาล แถลง ครม.อนุมัติ 5 แนวทาง แก้ปัญหานักโทษล้นคุก คลอดนโยบายเร่งด่วน ทำเตียง 2 ชั้น วงเงิน 207 ล้าน-จัดหาเครื่องติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ 3 หมื่นเครื่อง วงเงิน 877 ล้านบาท
วันนี้ (28 ม.ค.) เวลา 14.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องการลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำ ว่า ปัจจุบันเรือนจำมีผู้ต้องขังทั่วประเทศจำนวน 374,052 คน ประกอบด้วย ผู้ต้องราชทัณฑ์ จำนวน 364448 คน แบ่งเป็นนักโทษเด็ดขาด จำนวน 310,904 คน ผู้ต้องขังระหว่างอุทธรณ์ ฎีกา ไต่สวนพิจารณา จำนวน 59,699 คน และหมวดอื่นๆ จำนวน 2,875 คน ผู้รอตรวจพิสูจน์ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดอีกจำนวน 9,564 ราย ผู้ต้องขังต่างชาติ จำนวน 14,275 คน จาก 103 สัญชาติ ฐานความผิดที่มีผู้กระทำผิดมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.พ.ร.บ.ยาเสพติด จำนวน 288,648 คน 2.ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ 28,516 คน และ 3.ความผิดต่อชีวิต 19,647 คน โดยประเทศไทยมีเรือนจำ 143 แห่ง มีพื้นที่เรือนนอนคิดเป็น 305,300 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้ต้องขังได้ 254,000 คน เมื่อเทียบกับจำนวนนักโทษ ถือว่า เกินกว่าอัตราที่องค์การสหประชาชาติกำหนดไว้ สำหรับผู้ต้องขังชาย 1.2 ตารางเมตร ต่อคน และผู้ต้องขังหญิงจำนวน 1.1 เมตรต่อคน
น.ส.รัชดา กล่าวต่อว่า ดังนั้น ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการลดความแออัดของผู้ต้องหาในเรือนจำ ในหลายประเด็น โดยกรอบแนวทางการแก้ไขประกอบด้วย 1.มีการจัดทำกฎหมายไกล่เกลี่ยข้อพิพาท การโอนตัวนักโทษต่างประเทศ และกฎหมายระดับรองต่างๆ ทั้ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ การปรับร่างกฎหมายยาเสพติด ที่ครอบคุลมพืชกระท่อม 2.การพักโทษ ลดโทษ การใช้เครื่องติดตัวอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถปล่อยตัวนักโทษชั่วราวได้ 3.การสร้างอาชีพ และสร้างเรือนจำรูปแบบใหม่ 4.การบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด อย่างการปรับทัศนคติ ความเชื่อผิดๆที่บอกกันว่า ติดคุกดีกว่าบำบัด และ 5.การป้องกันยาเสพติดโดยการขับเคลื่อนผ่านกองทุนแม่ของแผ่นดิน โรงเรียนสีขาว และหมู่บ้านป้องกันยาเสพติด โดยจะนำร่องในพื้นที่ภาคเหนือ สำหรับมาตรการเร่งด่วน ประกอบด้วย การปรับปรุงพื้นที่นอนในห้องขังให้เป็น 2 ชั้น จำนวน 94 แห่งใช้งบประมาณ 207 ล้านบาท คิดเป็นพื้นที่ปรับปรุง 103,000 ตารางเมตร การจัดหาเครื่องติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 30,000 เครื่อง เป็นวงเงิน 877 ล้านบาท