สวนดุสิตโพล สำรวจเรื่องสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ส่วนใหญ่ติดตามข่าวเป็นประจำ เพราะเข้าขั้นวิกฤต รู้สาเหตุเกิดจากตัวเราเอง มีผลกระทบสุขภาพ ทางเดินหายใจ แนะใช้รถส่วนตัวน้อยลง สวมหน้ากากอนามัย ไม่มั่นใจรบ.แก้ปัญหาได้ จี้ออกมาตรการจริงจัง
วันนี้ (26ม.ค.) “สวนดุสิตโพล”มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง ประชาชนคิดอย่างไร? กับ สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 โดยเมื่อวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจาก ฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤติ เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่นยังคงน่าเป็นห่วง ในหลายพื้นที่พบปริมาณเกินมาตรฐานที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน ต่อ สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และจากผลสำรวจจำนวนทั้งสิ้น 1,376 คน ระหว่างวันที่ 21-25 มกราคม 2563 สรุปผลได้ ดังนี้
1. ประชาชนติดตามข่าวสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 มากน้อยเพียงใด?
อันดับ 1ติดตามเป็นประจำทุกวัน 55.09%
เพราะ สถานการณ์รุนแรง เข้าขั้นวิกฤต กระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน อยากรู้ค่าฝุ่นละอองในแต่ละวันว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลง ฯลฯ
อันดับ 2ติดตามบ้างเป็นบางวัน 35.03%
เพราะ อยากรู้รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม ความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ฯลฯ
อันดับ 3ไม่ค่อยได้ติดตาม 8.00%
เพราะ ทำให้รู้สึกเครียด กังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อยากรับรู้ข้อมูลมากเกินไป ฯลฯ
อันดับ 4ไม่ได้ติดตามเลย 1.88%
เพราะ ไม่มีเวลา ต้องทำงาน ไม่อยากรู้ สนใจเรื่องปากท้องมากกว่า ฯลฯ
2. ประชาชนรู้สาเหตุของการเกิดฝุ่น PM2.5 หรือไม่?
อันดับ 1รู้84.30%
สาเหตุ คือ เกิดจากตัวเราเอง การก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม ควันจากท่อไอเสียของรถที่มีจำนวนมากในท้องถนน การเผาไหม้ต่างๆ เช่น เผาป่า เผาหญ้า เผาขยะ อาหารปิ้ง ย่าง สภาพอากาศแปรปรวน ป่าไม้ลดลง ฯลฯ
อันดับ 2ไม่รู้15.70%
เพราะ ไม่สนใจ เป็นฝุ่นทั่ว ๆ ไป ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร ฯลฯ
3. ประชาชนคิดว่าสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบในเรื่องใดบ้าง?
อันดับ 1สุขภาพร่างกาย ระบบทางเดินหายใจ สมอง94.45%
อันดับ 2เศรษฐกิจและการท่องเที่ยว22.65%
อันดับ 3การดำเนินชีวิตประจำวัน การทำกิจกรรมนอกบ้าน12.94%
อันดับ 4สภาพอากาศ ทัศนวิสัยในการมองเห็น 10.17%
อันดับ 5สุขภาพจิต อารมณ์4.31%
4. ประชาชนมีวิธีการที่จะไม่ให้เกิดฝุ่น หรือ ไม่เพิ่มฝุ่น ด้วยวิธีใดบ้าง?
อันดับ 1ใช้รถส่วนตัวน้อยลง ใช้บริการรถสาธารณะแทน ตรวจเช็คเครื่องยนต์ 60.86%
อันดับ 2ไม่เผาไหม้ในที่โล่ง ไม่สูบบุหรี่ ปิ้ง ย่าง44.26%
อันดับ 3ทำความสะอาดบ้าน ปลูกต้นไม้ รักษาสิ่งแวดล้อม24.80%
5. ประชาชนมีวิธีการป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM2.5 อย่างไร?
อันดับ 1สวมหน้ากากอนามัย96.00%
อันดับ 2ลดการทำกิจกรรมนอกบ้าน อยู่บ้านมากขึ้น หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่น 35.84%
อันดับ 3ดูแลสุขภาพ กินอาหาร กินวิตามิน ติดตั้งเครื่องกรองอากาศ11.68%
6. ประชาชนคิดว่ารัฐบาลควรมีวิธีการป้องกันและแก้ไขอย่างไร?
อันดับ 1ออกมาตรการต่าง ๆ บังคับใช้อย่างจริงจัง เช่น จำกัดปริมาณรถส่วนบุคคล ให้ใช้รถสาธารณะ ห้ามเผาไฟ 33.77%
อันดับ 2ตรวจจับรถทุกประเภทที่มีควันดำ กำหนดเวลาวิ่งของรถบรรทุก31.36%
อันดับ 3ฉีดน้ำ พ่นละอองน้ำ ทำฝนหลวง26.97%
อันดับ 4แจกหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน มีระบบแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นแต่ละวัน 24.78%
อันดับ 5ควบคุมการปล่อยควันพิษของโรงงานอุตสาหกรรม และการก่อสร้างต่างๆ16.45%
7. ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลจะแก้ไขสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ได้มากน้อยเพียงใด?
อันดับ 1ไม่มั่นใจเลย52.90%
เพราะ ไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมชัดเจน รัฐบาลแก้ปัญหาล่าช้า กระทบต่อสุขภาพของประชาชน ไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง ฯลฯ
อันดับ 2ไม่ค่อยมั่นใจ40.70%
เพราะ ประชาชนต้องดูแลตัวเอง สถานการณ์ฝุ่นยังมีทุกพื้นที่ แก้ไขได้ยาก มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดฝุ่น ฯลฯ
อันดับ 3ค่อนข้างมั่นใจ4.80%
เพราะ รัฐบาลติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายช่วยกันอย่างเต็มที่ ฯลฯ
อันดับ 4มั่นใจมาก1.60%
เพราะ มีการนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง ให้ความสำคัญกับปัญหา ปีที่ผ่านมาสามารถแก้ไขได้ ฯลฯ