ข่าวปนคน คนปนข่าว
**"ลุงตู่" ว่าไง? แก้วิกฤตฝุ่นพิษ "พิธา" ว่า "ถ้าผมเป็นนายกฯ พรุ่งนี้จะตั้งวอร์รูมทันที" ชวนนั่งรถเมล์ 4 ชม. เอาตัวเองเข้าไปสัมผัสปัญหา ลดเหลื่อมล้ำ
ได้เห็นสามัคคีชุมนุมของพรรคการเมืองในการประชุมสภาฯ เรื่องแนวทางแก้ไขปัญหา PM2.5 จนกระทั่งสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบให้ตั้ง "กมธ.วิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขฝุ่น" เป็นการเร่งด่วนเมื่อวันก่อน ซึ่งนอกจากจะต้องติดตามกันว่า หลังจากนี้จะมีมาตรการอะไรที่ออกมาแก้ปัญหา เนื้อหา ความเห็นในการอภิปรายญัตติก็น่าคิด
ที่ต้องพูดถึงก็ต้องคนนี้เลย ดาวสภาฯ ที่สร้างชื่อจาก "กระดุม5เม็ด"... "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ที่ยิงหมัดตรงไปถึง"ลุงตู่' พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
" ถ้าผมเป็นนายกฯ พรุ่งนี้ผมตั้งวอร์รูมทันที เพราะพ.ร.บ.กว่าจะผ่านต้องรอ 6-7เดือน ประชาชนรอไม่ได้
ผู้อยู่ในอำนาจก็ประชุมสภาฯ ถึง 21.00 น. เสร็จแล้วก็นั่งรถส่วนตัว แต่ไม่เคยกลับบ้านด้วยรถเมล์ ด้วยระยะเดินทาง 4 ชั่วโมง ทั้งไปและกลับ แบบคนกรุงเทพฯ
ดังนั้น เมื่อเป็นเรื่องความเหลื่อมล้ำของปัญหา ทั้งที่เราไม่ได้ใส่ใจปัญหาที่ควรเป็น ... ถ้านายกฯ จัดครม.สัญจรลงพื้นที่ที่มีการเผาไหม้มากที่สุดในประเทศไทยขณะนี้ ในจ.กาญจนบุรี จ.ลำปาง จ.ลพบุรี ที่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินมากที่สุด ให้นายกฯจัดครม.สัญจรในพื้นที่ หรือประธานสภาฯ พาส.ส.ที่สนใจแล้วนั่งรถเมล์สัก 2 ชั่วโมง หากเอาตัวของตัวเราเองเข้าไปอยู่ในปัญหา จะแก้ปัญหาได้ดีกว่านี้ "
ในช่วงที่ฝุ่นพิษพีกๆ และไม่รู้จะต้องเผชิญไปอีกนานแค่ไหน เรารับรู้กันว่า ประชาชน ก็หวังจะพึ่งรัฐบาลในการแก้ปัญหา
ในต่างประเทศ เช่นที่ จีน จุดเริ่มของการแก้ปัญหาจริงจังก็เป็นส่วนรัฐบาลลงมือ ขณะกลับมาบ้านเรา "พิธา" เห็นว่าการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5ไม่ได้ เพราะเกี่ยวกับ "โครงสร้างอำนาจ" โดยรัฐบาลไม่มีอำนาจที่ใหม่กว่า พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม ปี 2535
"พิธา" ลงทุนนั่งรถเมล์ไป สัมผัส PM2.5 และก็เห็นว่า ปัญหาเกิดจากความเหลื่อมล้ำ เพราะส.ส. และผู้มีอำนาจไม่ได้มาสัมผัสสถานการณ์แบบเดียวกันกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
"ดาวสภาฯ"จากพรรคส้ม ยังระบุด้วยว่า รัฐบาลจะแก้ปัญหาแบบต่างประเทศได้ต้องมี "พ.ร.บ.อากาศสะอาด" ต้องมีหน่วยงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แบบมีอำนาจจัดการ ไม่ใช่ไม่มีใครมีอำนาจตัดสินใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
นี่เป็นสิ่งที่"พิธา"ว่าไว้ให้คิด
สถานการณ์ฝุ่นพิษแก้ไม่ตก ที่เห็นๆ กันอยู่ "ลุงตู่" ก็รับขี้อยู่คนเดียว รัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็ลอยตัว พรางตัวไปกับฝุ่น
ไหนๆ ก็ไหนๆ มีข้อเสนอจาก"พิธา" มาแบบนี้ ก็ไม่รู้ "ลุงตู่"จะว่าไง ?
** กดบัตรแทนกัน จะทำงบฯ 63 ออกหัว ออกก้อย ยังไม่รู้ แต่ออกช้าชัวร์ๆ และจะสร้างความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า แบบว่า"เจ๊งทุกอำเภอ เพราะเธอคนเดียว" ... #ฉิบหายจริงๆ นะจ๊ะ
เรื่อง"เสียบบัตรแทนกัน" ในการโหวต ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่ "นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ" รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแฉว่า "ฉลอง เทอดวีระพงศ์" ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย ไม่ได้อยู่ในห้องประชุมสภาฯ ระหว่างการลงมติ ซึ่งจากการตรวจสอบของทางเลขาสภาฯ ยืนยันมาแล้วว่า มีการเสียบบัตรแทนกันจริง...และเรื่องนี้ ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ได้ยื่นเรื่องผ่านประธานรัฐสภา ให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความแล้ว
ถึงตอนนี้ก็ได้แต่รอว่าศาลฯ จะพิจารณา แล้วชี้ว่าอย่างไร ... จะให้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ตกไปทั้งฉบับ หรือเสียไปเฉพาะมาตราที่มีการโหวตแทนกัน หรือ จะให้หักคะแนนที่จับได้ว่าเป็นการเสียบบัตรแทนกันเท่านั้น
แต่ที่แน่ๆ คือการใช้งบประมาณปี 63 จะต้องยืดเยื้อออกไป จากแผนเดิมที่รัฐบาลตั้งเป้าว่าจะเบิกจ่ายกันได้ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งก็ถือว่าช้าแล้ว เมื่อต้องมาสะดุดอย่างนี้ จะยืดออกไปอีกกี่เดือนก็ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้
"ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงกับนั่งไม่ติด เพราะเมื่องบฯไม่ออก แผนบริหารราชการแผ่นดินต่างๆ ที่วางไว้ ก็จะเสียขบวน รวนเร จนทำเอาหัวร้อนได้ง่ายๆ
โดยเฉพาะเรื่องงบฯลงทุน ที่มีจำนวนหลายแสนล้านบาท หากทำไม่ได้ ก็จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจให้เลวร้ายลงไปอีก ถ้าไม่มีเม็ดเงินลงไป ก็จะเดือดร้อนกันไปหมด ไม่ว่าจะเป็นภาพใหญ่โดยรวมระดับประเทศ ระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล ... เรียกว่า เดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า
ด้านฝ่ายทีมเศรษฐกิจ โดย"เฮียกวง" สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และ"ขุนคลัง" อุตตม สาวนายน รมว.คลัง ก็ต้องหารือ เตรียม "แผนสำรอง" เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตามเป้า โดยมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง เตรียมแผนแนวทางต่างๆไว้ อาจถึงขั้นต้องใช้ พ.ร.ก.กู้เงินฯ หาก พ.ร.บ.งบประมาณฯ เป็นโมฆะ และต้องใช้เวลาหลายเดือนในการพิจารณาใหม่... แต่ "นายกฯตู่" ดูจะยังไม่ตอบรับไอเดีย พ.ร.ก.กู้เงินฯ จึงแตะเบรกไว้เบาๆ ว่า ยังไม่ถึงเวลา
นอกจากนี้ มีรายงานข่าวว่า "อุตตม" ที่สวมหมวกทั้ง หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รมว.คลัง และ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 63 ได้เข้าจับเข่าพูดคุยกับ "เฮียพงษ์" สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ เพื่อหาทางออกกรณีที่ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ อาจถูกตีความว่าโมฆะ...โดยนักการเมืองรุ่นเก๋าอย่าง "สมพงษ์" แนะนำว่ารัฐบาลควรนับหนึ่งใหม่ โดยเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาฯ อีกครั้ง ไม่ควรหาทางซิกแซ็กออกนอกลู่ ต้องทำให้ร่างกฎหมายชอบธรรม ไร้มลทินใดๆ ส่วน ส.ส.ที่เสียบบัตรแทนกัน ก็ให้สอบสวนเอาผิดเฉพาะตัวไปตามกระบวนการ พร้อมให้คำมั่นว่า ฝ่ายค้านพร้อมให้ความร่วมมือ เพื่อผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ให้ผ่านโดยเร็ว เพราะรู้ถึงความจำเป็นในการต้องใช้งบประมาณเพื่อบริหารบ้านเมือง แก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน
จะว่าไปแล้ว การที่ "นิพิฏฐ์" ออกมาแฉเรื่องเสียบบัตรเพื่อโหวตแทนกันนั้น เป็นเรื่องที่ส.ส.ไม่พึงกระทำ เพราะเป็นเรื่อง"ผิด" ...แต่อีกมุมหนึ่ง ไม่ว่าฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล มองตรงกันว่า การเคลื่อนไหวของ "นิพิฏฐ์" ครั้งนี้ "มีวาระซ่อนเร้น" โดยใช้ความถูกต้อง ชอบธรรมบังหน้า
ต้องไม่ลืมว่า "นิพิฏฐ์" ในฐานะแม่ทัพภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับ "นาที รัชกิจประการ" แม่ทัพของพรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งภูมิใจไทย ปักธงในภาคใต้สำเร็จ ได้ส.ส.ไปถึง 8 ที่นั่ง แถมตัวเขาเองยังเสียที่นั่ง ส.ส.พัทลุง ที่ยึดครองมาหลายสมัยให้กับ "ฉลอง" ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เสียหน้ามาก...
การเคลื่อนไหวของ"นิพิฏฐ์" จึงถูกมองว่า นำวาระ"ส่วนตัว" หรือ "ส่วนพรรค" มาเล่นการเมือง โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อประเทศชาติโดยรวม เพราะมันส่งผลกระทบถึงขั้นทำให้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่ล่าช้าอยู่แล้ว ยิ่งช้าหนักขึ้นไปอีก
เห็นแบบนี้แล้ว ก็อดเป็นห่วง"พรรคสีฟ้า" ไม่ได้ เพราะโอกาสที่จะถูกเขี่ยพ้นพรรคร่วมรัฐบาล ตามที่มีข่าวกระเส็น กระสาย ออกมาเริ่มใกล้ความจริงเข้าทุกที
ทั้งหมดทั้งมวล ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะเรียกว่าเป็นเรื่อง"น้ำผึ้งหยดเดียว" แต่ในยุคโซเชียลฯ ต้องบอกว่า "เจ๊งทุกอำเภอ เพราะเธอคนเดียว" แถมติดแฮชแท็กให้ด้วยว่า #ฉิบหายจริงๆ นะจ๊ะ.