“ศาลรัฐธรรมนูญ” เผยประชุมลงมติวินิจฉัยคดียุบพรรคอนาคตใหม่ ตามคำร้องของ นายณฐพร โตประยูร ที่ยื่นคำร้องต่อศาลเรียบร้อยแล้ว ส่วนมาตรการความปลอดภัยรอบศาลเตรียมพร้อมสุดเข้มงวดทุกประตู
วันนี้ (21 ม.ค.) เวลา 10.00 น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้เริ่มประชุมเพื่อแถลงด้วยวาจาและลงมติในคดีที่นายณฐพร โตประยูร ยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ คณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ ก่อนที่จะออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคดีในเวลา 11.30 น. ทั้งนี้ ทางศาลรัฐธรรมนูญได้มีการจัดเตรียมสถานที่ และวางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย กำหนดพื้นที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องให้ใช้ประตูด้านทิศใต้ และทิศตะวันออก เป็นที่เข้าออก โดยไม่อนุญาตให้ใช้ประตูด้านทิศเหนือซึ่งเป็นด้านหน้าของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเข้า-ออก ส่วนการรักษาความปลอดภัยมีกำลังตำรวจประมาณ 150 นาย หรือ 1 กองร้อย กระจายเข้าตั้งจุดดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบและพื้นที่ชั้นในของศูนย์ราชการอาคาร A ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
สำหรับผู้สื่อข่าวได้ทยอยเดินทางมาลงทะเบียนแลกบัตรเพื่อรอรายงานข่าวการอ่านคำวินิจฉัยตั้งแต่ช่วงเช้า เป็นผลให้ห้องพักผู้สื่อข่าวเต็มไปด้วยสื่อมวลชนและช่างภาพทั้งไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้ มีรายงานว่ามีตัวแทนสหภาพยุโรป หรืออียูประจำประเทศไทย ตัวแทนสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ได้ขอประสานเข้าร่วมรับฟังการคำวินิจฉัยคดีดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ไม่มีแกนนำพรรค ประชาชน รวมถึงกลุ่มผู้สนับสนุนของพรรคอนาคตใหม่เดินทางมาร่วมรับฟังคำวินิจฉัยที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งคาดว่าอาจจะเดินทางไปรวมตัวกันที่ทำการพรรคอนาคตใหม่
ด้านนายณฐพร โตประยูร ผู้ร้อง เดินทางมารับฟังคำวินิจฉัยให้สัมภาษณ์ ยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งพรรคอนาคตใหม่ หรือทำให้เกิดปัญหา แต่ทำด้วยจิตสำนึกของประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ส่วนข้อครหาที่ระบุว่าคำร้องไม่ถูกต้องมาตั้งแต่ต้นนั้น เรื่องนี้คงต้องให้ศาลเป็นผู้พิจารณา ผลการตัดสินในวันนี้ออกมาเป็นอย่างไรก็พร้อมยอมรับ ยืนยันไม่มีเจตนาที่จะทำสิ่งใดที่ผิดกฎหมาย หรือบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ไม่มีเจตนาที่ต้องการให้มีการยุบพรรคแต่ใน ฐานะที่ผมเป็นนักกฎหมาย มั่นใจในพยานหลักฐานและข้อกฎหมาย ส่วนคำตัดสินเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ เจตนาของผม มาตรการการยุบพรรคไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นมาตรการอย่างหนึ่งที่พรรคการเมืองหรือผู้ใดฝ่าฝืนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีประมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข วันนี้ถือว่าผมทำสำเร็จแล้วที่ทำให้สังคมเกิดกระแสว่าเราเป็นคนไทย ต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์”
“การยื่นคำร้องครั้งนี้ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องยุบพรรคหรือทำลายล้างกัน และไม่ได้กลั่นแกล้ง ประเด็นใหญ่คือ เราปรารถนาดีต่อพรรคการเมือง และเห็นว่าการกระทำแบบนี้เข้าข่ายผิดกฎหมาย จึงจำเป็นต้องชี้ให้เห็น ผมไม่เคยต้องการออกสื่อ เพียงแต่ต้องการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรับรู้ว่ามีพรรคการเมืองกระทำแบบนี้เท่านั้นเอง พรรคการเมืองต้องไม่กระทำการแปลกแยก ไม่มีฝักมีฝ่าย ต้องเข้ากับประชาชนได้ทุกหมู่เหล่า ขอย้ำว่า จุดยืนของผม คือรักสถาบัน ผมไม่มีอำนาจหน้าที่ทางการเมือง ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง และไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อพรรคอนาคตใหม่”
ต่อมาเวลา 11.00 น. ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) น.ส.ประทับจิต นีละไพจิตร เจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนและล่าม รวมถึงผู้จากสถานทูตต่างๆ กว่า 10 คน ได้ทยอยเดินทางเข้าร่วมรับฟังการอ่านคดีที่นายณฐพร โตประยูร ยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่