รอง หน.พปชร.เผยพฤติกรรม “เสรีพิศุทธ์” ใช้อำนาจ ปธ.กมธ.ป.ป.ช.เล่นการเมืองจนวุ่นวาย มุ่งเล่นงานเอาเป็นเอาตาย ไม่ฟังเสียงข้างมากต้องปลดออก ป้อง “ปารีณา-สิระ” มีทั้งคนชอบไม่ชอบ ทุกคนมาจากเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากโซเชียลฯ
วันนี้ (17 ม.ค.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงเหตุความวุ่นวายในห้องประชุมกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ โดยเห็นว่าพฤติกรรมของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ในฐานะประธานกรรมาธิการ มุ่งเล่นงาน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ และนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ อย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่เรื่องของตัวประธานเองถูกร้องเรียน โดยเฉพาะเรื่องของการทุจริตต่างๆ กลับไม่ยอมบรรจุเรื่องดังกล่าวเป็นวาระการประชุม พยายามป่วนโดยใช้อำนาจของประธาน กมธ. ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ยุติการดำเนินการ กรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ หลังถูกนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการ ป.ป.ช. แต่ในกรณีของ น.ส.ปารีณา กลับใช้กรรมาธิการตรวจสอบต่อทั้งที่เรื่องเข้าสู่ ป.ป.ช.แล้วเช่นกัน ถือว่าเป็นการนำกรรมาธิการไปเล่นการเมือง จึงทำให้เกิดความวุ่นวาย
นายไพบูลย์ยังชี้แจงกรณีที่ น.ส.ปารีณา และนายสิระ ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อได้รับมอบหมายภารกิจกลับไม่ปฏิบัติตามว่า ส่วนตัวยืนยันว่า น.ส.ปวีณาและนายสิระก็รับงานมาทำ พร้อมถามกลับถึงการที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์นำเรื่องที่ไม่สมควรมาพิจารณาในที่ประชุมกรรมาธิการหลายเรื่องโดยไม่มีการบริหารจัดการใดๆ ทั้งสิ้น เป็นการไม่คำนึงถึงกรรมาธิการคนอื่นๆ
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะทำงานด้วยกันในกรรมาธิการได้หรือไม่ นายไพบูลย์ตอบว่า พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ไม่ฟังมติเสียงข้างมาก จึงไม่มีทางเลือกอย่างอื่น ที่จะเสนอปลดพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ออกจากตำแหน่งประธานกรรมาธิการ ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกระแสต่อต้านในโลกโออนไลน์หลังราชกิจจานุเบกษาประกาศให้น น.ส.ปวีณา และนายสิระ ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการ ป.ป.ช. นายไพบูลย์มองว่า กรรมาธิการเมื่อเป็นแล้วก็จะถูกประกาศลงในราชกิจจาฯ ยอมรับว่าทั้งสองคนมีทั้งผู้ที่ชื่นชอบและไม่ชื่นชอบ เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่มีทั้งผู้ที่ชื่นชอบและผู้ไม่ชอบ เมื่อมีกระแสเช่นนี้ก็จะนำไปเรียกร้องต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้เหมือนกันหรือไม่ ขณะนี้ก็มีเสียงต่อว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มากมายแต่ทำไมไม่ไปดำเนินการ ดังนั้นจะต้องแยกให้ออกว่าการประกาศบนราชกิจจาฯ นั้นเป็นไปตามกระบวนการ ทั้งนี้ ความเห็นบนโซเชียลมีเดียก็ยินดีรับฟัง ย้ำว่าทุกคนนั้นก็ผ่านกระบวนการเลือกตั้งมา ไม่ได้เลือกมาจากโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นฝ่ายใดก็ไม่รู้ ถ้าฟังโซเชียลฯ ก็ไม่ต้องมีการเลือกตั้งก็ได้ ใช้โซเชียลฯ เลยดีหรือไม่ เพราะสังคมที่อยู่นั้นมีรัฐธรรมนูญ มีประชาชนที่เลือกโดยตรง ถ้าประชาชนที่ไม่ได้ใช้โซเชียลมีเดียจะไม่มีสิทธิมีเสียงเลยหรือ พร้อมย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจำเป็นจะต้องมีการแก้ไขโดยใช้ข้อบังคับและกฎหมาย แต่ส่วนใดที่อยู่นอกเหนือจากอำนาจของสภาผู้แทนราษฎรก็จะสามารถใช้กระบวนการยุติธรรมได้ทุกฝ่าย ใครจะฟ้องร้องกันก็ได้ แต่อย่านำกรรมาธิการมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะจะทำให้สภาผู้แทนราษฎรเสียชื่อเสียง
ทั้งนี้ ไม่คาดหวังว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะปรับเปลี่ยนท่าทีและพฤติกรรมในการทำงาน เพราะตนเคยทักท้วงไปแล้วหลายครั้ง ที่ผ่านมาคุยด้วยที่ผ่านมาก็คุยกันด้วยเหตุผลตลอด เชื่อว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไม่รับฟัง จึงไม่รู้จะหาวิธีใด นอกจากใช้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรมาใช้