“น้าเป๊ปซี่” ออกมาฟันธงอย่างไม่กลัวหน้าแตก 3 ส.ส. “ส้มหวาน” ไม่รอด 21 ม.ค. ขาดเอกสิทธิ์คุ้มครองแน่นอน หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (16 ม.ค. 63) เฟซบุ๊ก Sermsuk Kasitipradit ของนายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ หรือในวงการเรียก “เป๊ปซี่” นักข่าวอาวุโส โพสต์หัวข้อ “เอกสิทธิ์คุ้มครองแกนนำ อนค.จะหมดไปหลังศาล รธน.อ่านคำวินิจฉัยในคดีล้มล้างการปกครอง วันอังคารที่ 21 ม.ค.”
โดยระบุว่า “อาการดิ้นพล่านของแกนนำ อนค.ตลอดช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนวันที่ศาลมีคำวินิจฉัย เดินสายตีปี๊บแถลงข่าว บิดเบือนคำแถลงปิดคดีของผู้ร้อง ดร.ณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษากฎหมายผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ร้อง ว่าเพิ่มข้อกล่าวหาและหลักฐานใหม่ในคดีซึ่งเป็นคำกล่าวที่เป็นเท็จ และการกล่าวโจมตีกระบวนการยุติธรรม รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์องค์คณะตุลาการศาล รธน. บอกถึงสถานการณ์ที่หนักหน่วงวิกฤตแสนสาหัส จากข้อกล่าวหามีพฤติกรรมการกระทำที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบ ปชต.อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีบทลงโทษยุบพรรค และถอดสิทธิทางการเมือง กก.บห.ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง ม.92 (2)
การกระทำของแกนนำพรรค ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จำเลยที่ 2 ปิยบุตร แสงกนกกุล จำเลยที่ 3 และช่อ พรรณิการ์ วานิช จำเลยที่ 4 ที่มีลักษณะจาบจ้วง โจมตีให้ร้าย หมิ่นสถาบันฯ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อนและหลังตั้งพรรค การผลักดันแนวคิด ปว.2475 ให้ประสบความสำเร็จ
ซึ่ง อนค.เป็นพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่ออกมาเรียกร้องสามเวลาหลังอาหาร ให้ ปชช.ผลักดันแนวคิดดังกล่าวให้ประสบความสำเร็จ ถูก ดร.ณฐพร ผู้ร้องตั้งข้อสังเกตเป็นการกระทำเข้าข่ายความผิดใน ม.92 (2) ...
ยังมีข้อกล่าวหาถึงนโยบายพรรค ให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ มีเจตนาลดการคุ้มกัน ป้องกันพระมหากษัตริย์จากการฟ้องร้องในศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่ง อนค.เป็นพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่มีนโยบายดังกล่าว และยังเป็นพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่ข้อบังคับพรรค ไม่มีข้อความใดๆ กล่าวสนับสนุนการปกครองในระบอบ ปชต.อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ล้วนเป็นการกระทำที่มีลักษณะ “อันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง” ที่ผู้ร้องเห็นว่าร้ายแรงกว่าพฤติกรรมของพรรคไทยรักษาชาติ ที่เสนอชื่อคนนอกเป็นนายกฯ ซึ่งศาล รธน.ได้ตัดสินต้นเดือน มี.ค. 62 ยุบพรรค ตัดสิทธิการเมืองกก.บห.10 ปี
เดือน ก.ค. 62 ศาลรธน.มีมติ 5-4 รับคำร้อง ของ ดร.ณฐพร นัดอ่านคำวินิจฉัยวันอังคาร 21 ม.ค เวลา 11.00 น.
รับประกันแจ่มจันทร์นวลผ่อง ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ไม่มีฟื้น
ย้ำกันอีกครั้ง อย่าลืมเตรียมน้ำมะพร้าวรอหน้าศาล ฝ่ายความมั่นคงเตรียมพร้อมรับมือป่วนในบริเวณศาล อย่าคิดว่าใส่หน้ากากแล้วจะกระทำพฤติกรรมเถื่อนถ่อยได้ มาเตือนด้วยความหวังดี
หลังคำวินิจฉัยจะมี after shcok ระดับสะท้านแผ่นดินตามมาอีกหลายระลอก จะเป็นอย่างที่หมอดูหลายสำนักทำนายไว้หรือไม่.... ซ.ต.พ.
#ฟ้ามีตา”
สำหรับกรณี 3 ส.ส.อนาคตใหม่ ซึ่งถูกสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำหนังสือขอตัวไปรับทราบข้อกล่าวหากรณีมีส่วนร่วมกับการชุมนุมแฟลชม็อบของพรรคอนาคตใหม่นั้น
ก่อนหน้านี้ (14 ม.ค. 63) เฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ของนายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ระบุว่า
“...นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปรัฐบาล แถลงถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหนังสือขอตัว 3 ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ คือนายปิยบุตร แสงกนกกุล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนางสาวพรรณิการ์ วานิช ไปทำการสอบสวนในคดีอาญา ในระหว่างสมัยประชุมว่า
...ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 ระบุไม่ให้ดำเนินคดีต่อ ส.ส.ในระหว่างสมัยประชุมนั้น ในอดีตที่ผ่านมา สภาก็ไม่เคยส่งตัว ส.ส.ไปดำเนินคดีในระหว่างสมัยประชุมเลย วิปรัฐบาล จึงมีมติไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีแก่ ส.ส.ทั้งสามคน
.....รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้ในปีหนึ่งให้มีสมัยประชุมสามัญของรัฐสภาสองสมัย ๆ หนึ่งให้มีกําหนดเวลาหนึ่งร้อยยี่สิบวัน
.....จึงมีเวลาเหลือนอกสมัยประชุมในระหว่างแต่ละสมัยประมาณหกสิบวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายเรียกให้ ส.ส.ที่ถูกกล่าวหาไปสอบสวนได้ ซึ่งที่ผ่านมาบุคคลที่ถูกกล่าวหาก็จะหาเหตุขอเลื่อนการไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปจนถึงวันในสมัยประชุมก็จะได้เอกสิทธิ์คุ้มครองอีก วนเวียนไปเช่นนี้ตลอดไป
.....สรุปแล้ว ส.ส.เหล่านี้ก็จะได้เอกสิทธิ์ของ ส.ส.คุ้มครองที่จะไม่ถูกดำเนินคดีตราบที่ยังเป็น ส.ส. อยู่ และหากมีการเลือกตั้งใหม่และได้รับเลือกเป็น ส.ส. อีก ก็จะได้เอกสิทธิ์คุ้มครองที่จะไม่ถูกดำเนินคดีตลอดไป
.....บทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรานี้ บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครอง ส.ส.ฝ่ายค้านไม่ให้ถูกฝ่ายรัฐบาลกลั่นแกล้งในระหว่างสมัยประชุม และในสมัยก่อนการประชุมสภาปีหนึ่งมีเพียงสมัยเดียวเท่านั้น จึงเหลือเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีแก่ผู้ถูกกล่าวหาได้
.....กรณีของ ส.ส.ทั้งสามคนนี้เป็นการร่วมกันจัดชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล ไม่ใช่รัฐบาลหาเรื่องกลั่นแกล้ง ส.ส. เหล่านี้
.....ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ยังจะช่วยกันโอบอุ้มผู้ที่จัดชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลอีกหรือ?
และที่สุด เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 63 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสุชาติ ตันเจริญ ทำหน้าที่ประธานสภาฯ ได้แจ้งเรื่องด่วนต่อที่ประชุมสภาฯ กรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฏร ขออนุญาตสภาฯ เพื่อเรียกตัว นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ น.ส.พรรณิการ์ วานิช และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ไปทำการสอบสวนในคดีอาญาระหว่างสมัยประชุม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 125 จากกรณีชุมนุมแฟลชม็อบที่สกายวอล์ค เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 62
หลังมีการอภิปรายพอสมควร จากนั้นที่ประชุมสภาฯได้ลงมติด้วยเสียง 365 เสียง งดออกเสียง 8 ไม่อนุญาตให้ส่งตัวทั้ง 3 ส.ส.ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปดำเนินคดีตามที่ร้องขอ...
ประเด็นที่น่าสนใจของ “น้าเป๊ปซี่” ก็คือ ประการแรก มีความเชื่อมั่นอย่างสูงว่า ในวันที่ 21 ม.ค. 63 ซึ่งเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัย คดีที่พรรคอนาคตใหม่ ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่ พรรคอนาคตใหม่จะถูกตัดสิน “ยุบพรรค” ตามคำร้อง
ประการต่อมา หลังถูกตัดสินยุบพรรค กรรมการบริหารพรรคก็จะถูกตัดสิทธิการเมือง 10 ปี และนั่นหมายถึงผู้ทำผิดที่เป็นกรรมการบริหารพรรค ก็จะขาดเอกสิทธิ์คุ้มครองตามไปด้วย
เหลือเวลาอีกไม่กี่วันคงได้ลุ้นกันตัวโก่งแน่ และมาดูกันว่า สิ่งที่ “น้าเป๊ปซี่” ทำนายเอาไว้ล่วงหน้าจะแม่นยำหรือไม่ หรือจะหน้าแตกในวันนั้น ก็ไม่แน่เหมือนกัน!?