นายกฯ เผยชีวิตอยู่ในวงการครูตลอด แม่-ภรรยาก็เป็นครู ส่วนตนเองก็เป็นครูทหาร ย้ำครูต้องทำให้เด็กรู้จักคิด มีคุณธรรม เท่าทันโลก ชี้ไทยโชคดีไม่มีปัญหาชายแดน สถานการณ์ใต้ก็ดีขึ้น แต่ยังมีการต่อสู้ทางความคิด มีคนจะดึงต่างชาติเข้ามา ย้ำปัญหาของเราต้องแก้เอง เรียกร้องคนอื่นมาแก้ไม่ถูกต้อง ครูต้องช่วยบอกเด็กๆ
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (16 ม.ค.) ที่ห้องประชุมคุรุสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีงานวันครู ครั้งที่ 64 พร้อมคารวะครูวีระ เดชพันธุ์ ที่เคยสอนสมัยที่เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดนวลนรดิศ หลังจากนั้นนายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนนึกถึงพระคุณของครูเสมอมา คุณแม่ก็เป็นครูสอนหนังสือ ตนเองก็เป็นครู ภรรยาก็เป็นครู สรุปว่าตนอยู่ในวงการและใช้ชีวิตแบบนั้นจนถึงปัจจุบัน และตลอดชีวิตที่รับราชการในกองทัพมา 40 ปี ก็เป็นครูทหาร แนะนำการดำรงชีวิตและการรบ อย่างไรก็ตาม วันนี้เข้าสู่สังคมสูงวัย จะปฏิเสธว่าไม่สูงวัยคงไม่ใช่ แต่สุขภาพร่างกายก็อีกเรื่องหนึ่ง แม้จะหนุ่มสาวดูดีแต่ก็ประมาทไม่ได้ ตนเคยเตือนไว้แล้ว พญามัจจุราชมีอำนาจเยอะ มีบริวารเยอะแยะไปหมด ฉะนั้น ถ้าทำความดีไว้ไม่เป็นไร
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ได้เจอกับครูอาวุโสเป็นสิริมงคล เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตา ต่อครูผู้มีพระคุณที่คอยเสริมสร้างภูมิปัญญาให้แก่ศิษย์ด้วยความอุตสาหะเสียสละ เพื่อให้ลูกศิษย์เจริญก้าวหน้าทางสติปัญญา มีจิตใจมีคุณธรรมในการประกอบอาชีพ ถือเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของครูที่เปรียบเหมือนดวงประทีปส่องทาง เป็นแบบอย่างที่ดี เป็นหน้าที่ของครูที่จะสร้างสรรค์ปั้นแต่งลูกศิษย์ที่เปรียบเสมือนผ้าขาว ดังนั้นจะต้องเติมแต่งสีสันให้สวยงามให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ เพื่อให้เติบโตเป็นพลเมืองที่ดี ซึ่งรับผิดชอบหน้าที่นี้มาจากพ่อแม่ผู้ปกครอง เป็นพ่อแม่คนที่ 2 นอกจากนั้น ครูยังต้องช่วยให้ลูกศิษย์มีงานทำด้วยในยุคสมัยนี้ จบมาแล้วต้องรู้จักคิดวิเคราะห์เป็นกระบวนการ ถ้าจะคิดเหมือนคำถามคำตอบในข้อสอบ มันก็จะได้แค่นั้น ฉะนั้น ครูจะต้องเสริมเติมแต่งให้เด็กรู้จักคิด ถ้าเรียกร้องอยากได้อะไรก็ต้องรู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง วันนี้ปัญหาสังคมมีมากมาย ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหาฝุ่น ปัญหาจราจร ใครเป็นคนทำ ก่อให้เกิดปัญหาเหล่านี้ แม้กระทั่งตนเองก็ยังทำ ทุกคนทำโดยไม่รู้ตัว แต่ด้วยความจำเป็นการใช้รถ การเผาอะไรต่างๆ มีหลายส่วนที่ทำอยู่ สิ่งเหล่านี้จะแก้เป็นรูปธรรมได้ทุกคนต้องร่วมมือกัน วันนี้บางฝ่ายอยากให้รัฐบาลใช้มาตรการที่เข้มงวด แต่พอใช้ไปก็ถูกร้องไม่เป็นธรรมอีก ไม่มีใครทำได้ถ้าเราไม่ช่วยกัน ไม่ว่าประเทศจะเดินไปทางใด ขึ้นอยู่กับศักยภาพทรัพยากรในประเทศ สิ่งสำคัญคือพื้นฐานความเข้าใจ ถ้าไม่มีพื้นฐานตรงนี้จะทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ดังนั้น ขอฝากตรงนี้ด้วย จะต้องทำงานร่วมกัน ซื้อของราคาถูกก็ได้ของถูก ถ้าซื้อของมีคุณภาพก็ราคาแพง หรือทำดีก็จะได้ดีกลับมา ถ้าทำไม่ดีก็ได้ไม่ดีกลับมา
นายกฯ กล่าวว่า คนมีคุณธรรมไม่ใช่เข้าวัดหรือห้อยพระอย่างเดียว จะต้องเข้าใจแก่นแท้ศาสนาพุทธด้วยที่มีความแตกต่างอย่างไร เป็นศาสนาที่สร้างความปรองดอง สามัคคี ไม่ทำให้เกิดความแตกแยก เป็นศาสนาที่ทำให้ทุกคนมีชีวิตอยู่ร่วมกันได้ในสังคม ประเทศไทยมี 5 ศาสนา เราต้องดูแลเพราะเป็นคนไทยทั้งสิ้น วันนี้ที่มีปัญหามันเกิดจากอะไร เขาเข้าใจแก่นแท้ศาสนาหรือไม่ เข้าใจบาปบุญคุณโทษว่าเป็นอย่างไร พระพุทธเจ้าสอนไว้แล้ว ฉะนั้น ต้องนำมาขยายเรื่องศีลธรรมจรรยา ให้ได้เบญจศีล เบญจธรรม เพื่อให้สังคมสงบสุข
นายกฯ กล่าวอีกว่า คนเราต้องยึดมั่นในศีลธรรมอันดี มีหลักคิด มีทัศนคติที่ดีต่อประเทศไทยของเรา รักประเทศไทย แล้วช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง นั่นแหละคือหน้าที่ของครูที่จะช่วยรัฐบาลในการทำงานทุกวิถีทาง รัฐบาลก็พร้อมส่งเสริมให้อย่างเต็มกำลังเท่าที่จะสามารถดำเนินการได้ ในปัจจุบันและวันข้างหน้า ต้องทำให้เด็กเฉลียวฉลาดรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยไม่มีปัญหาชายแดนกับใครเลย จะมีบ้างก็ไม่รุนแรงเพราะมีคณะกรรมการเขตแดน ยังมีแต่ปัญหาภาคใต้ แต่มันก็ดีขึ้น อย่าบอกว่ามันไม่ดีเลย สิ่งต่างๆ ในการต่อสู้ลักษณะความคิดแบบนี้ มันค่อนข้างยาก และยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ดำเนินการเรื่องนี้ทั้งจากในประเทศ และต่างประเทศ
“เราต้องแก้ปัญหาภายในประเทศของเรา จะเอาสิ่งที่เราทำวันนี้ไปโพนทนา ไปเรียกร้องให้ใครเข้ามาแก้ปัญหาของเรานี่คือบ้านคือประเทศของเรา ทุกเรื่องการที่จะไปเอาใครเข้ามาแก้ปัญหาประเทศไทย ผมคิดว่าไม่ถูกต้อง ครูช่วยกรุณาบอกเด็กๆ ด้วยว่าปัญหาของเราต้องแก้กันเอง ปัญหาบ้านเราเราต้องแก้เอง ถ้าเอาความช่วยเหลือจากเขามาแล้วเข้ามาบริหารจัดการในประเทศเอง นั่นแหละคือปัญหาสำคัญที่ตนระวังที่สุดในลักษณะนี้ ทั้งปัญหาภาคใต้และปัญหาภายในต้องแก้ด้วยความเข้าใจ การพัฒนา และกฎหมาย ทำทุกอย่างให้เกิดความเท่าเทียมไม่ขัดแย้ง ไม่ใช่แก้ปัญหาหนึ่งแล้วนำไปสู่อีกปัญหาหนึ่ง มันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพวกเราทั้งสิ้น
เราต้องมองดูตัวเองตลอดเวลา มองกระจกไม่ใช่มองว่าหล่อไม่หล่อ ต้องมองตัวเองเพื่อสะท้อนให้เห็นว่าวันนี้จะทำอะไร คิดอย่างไร จะอธิบายคนในสังคมอย่างไร แน่นอนผมก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง อาจจะเป็นทหารมาก่อน อาจจะดุแล้วก็ติดมาอยู่บ้าง จะถูกตำหนิ ผมก็ยอมรับได้ เพราะมาอยู่ในบทบาทนี้ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง และยอมรับว่าเปลี่ยนไปมากพอสมควร อดทนมากขึ้น พยายามเข้าใจให้มากขึ้น ถ้าทุกคนช่วยกันผมว่าไปได้หมด” นายกฯ กล่าว