ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เดี๋ยวก็รู้ หมู่หรือจ่า เมื่อดรามาบังเกิด"โจ๊ก หวานเจี๊ยบ"ดับเครื่องชน "วันนี้มีคนบีบให้ผมไม่มีทางเดิน" ทิ้งบอมบ์สตช. กับสองโครงการฉาว และโบ้ยใบ้รู้นะว่าใคร ? อยู่เบื้องหลัง
เหตุคนร้ายลอบยิงรถที่จอดอยู่หน้าร้านนวดย่านสุรวงศ์ของ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ”พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี อดีต ผบช.สตม. เข้าพบพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เพื่อให้ข้อมูลตามนัด และงานนี้เจ้าตัวถือโอกาสที่ทัพสื่อห้อมล้อม ประกาศขอให้ยุติดรามาว่า “สร้างสถานการณ์เอง”ควรต้องเลิกพูดเสียที ไม่รู้จะทำไปทำไม ไม่มีเหตุจูงใจ ในวันนี้ก็เก็บตัวมาเป็นปี เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆ ที่ถูกกระทำมันมากพอแล้ว ! พร้อมกับคำพูดที่ไม่รู้หมายถึงใคร “วันนี้มีคนบีบให้ผมไม่มีทางเดิน”
ฟังว่า “โจ๊ก”ค่อนข้างมีอารมณ์กับกระแสดรามานี้ อาจจะเพราะวิถีกระสุนที่ยิงรถถูกหยิบขึ้นมาเป็นปมเฮฮา ปาจิงโกะ ในโลกโซเชียลฯ ซึ่งอดีตนายตำรวจคนดังอุตสาห์อยู่เงียบๆ มานานตั้งแต่ถูกปลดมาแรมปี ไม่เคยออกมาโวยวาย หรือร้องขอต่อสื่อมวลชน วันนี้เลยให้ข้อมูลหลายส่วนรวมถึงโครงการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างเครื่องพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล หรือ "ไบโอแมทริกซ์" ที่เขาเชื่อมั่นว่า เป็นสาเหตุที่ถูกลอบยิงรถยนต์ มาจากการที่ตัวเองเตรียมเข้าเป็นพยาน กรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนโครงการนี้
ส่วนตัว"โจ๊ก" มองว่า โครงการนี้มีมูลค่าสูงถึง 2,000 ล้านบาท และผ่านการพิจารณาเรื่องจาก อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มามากถึง 3 คน ดังนั้นการที่ตัวเองตัดสินใจยกเลิกโครงการนี้ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และจะเข้าให้ข้อมูลกับ ป.ป.ช. จึงมาเกิดเหตุขึ้นในช่วงนี้ และก่อนหน้านี้มีความพยายามของ “ผู้มีอำนาจ”ประสานผ่านผู้ใหญ่ที่ตนเองเคารพ เพื่อขอเจรจาหลายครั้ง แต่ตนเองไม่ไปพบก่อนมาเกิดเหตุขึ้น
ในฐานะนายตำรวจเก่า “โจ๊ก”รู้ว่าเวลานี้ต้องบี้ให้สุด บอกว่าถ้าผมเป็น ผบ.ตร. และจับคนร้ายไม่ได้ ก็ต้องออกมารับผิดชอบ คดีนี้น่าจะจับตัวผู้ก่อเหตุได้ไม่ยาก เพราะมีกล้องวงจรปิดจำนวนมาก ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องโต ที่ผ่านมาในหลายคดีก็มีตำรวจเก่งๆ ย้ายเข้ามาสังกัดนครบาล แต่คดีของเขาเข้าสู่วันที่ 3 แล้ว ยังไม่มีวี่แวว ... สมัยผมเป็นตำรวจยังสามารถติดตามคนร้ายคดีทุบหัวไฮโซเชอรี่ ที่หนีไปกัมพูชาได้ภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์...
ไม่เพียงพูดกดดันตำรวจ ท้าทาย ผบ.ตร "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" ยังตีปลาหน้าไซ บอกรู้แล้วว่าผู้สั่งการอยู่เบื้องหลังเป็น“ผู้มีอำนาจ” โดยถ้าไม่มีอำนาจคงไม่มีใครกล้าทำกับเขาหรอก และน่าจะเป็นผู้ที่มีอำนาจ และคนเดียวกับที่สั่งยิงรถนักข่าว เมื่อ 2 ปีก่อน ที่ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้
หงายการ์ดแบบไม่กลัวหน้าแหกแบบนี้ เดี๋ยวก็รู้ หมู่ หรือ จ่า !
** ขีปนาวุธถล่ม "ดอน" หลังทำปืนลั่น บอกสหรัฐฯ แจ้งมายังไทยก่อนจะปฏิบัติการ ถล่ม "สุไลมานี" ผบ.หน่วยรบพิเศษของอิหร่าน
กรณีสหรัฐเอมริกาปฏิบัติการถล่ม "นายพลกาเซม โซไลมานี" ผบ.หน่วยรบพิเศษของอิหร่านในต่างแดน หรือกองกำลังคุดส์ ขณะเยือนอิรักนั้น ทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางตึงเครียดหนัก ส่อเค้าว่าจะบานปลายขยายวง
ขณะที่ "ดอน ปรมัตถ์วินัย" รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์นักข่าวถึงผลกระทบต่อไทย การเตรียมอพยพคนไทยในพื้นที่เสี่ยง ก็ไม่รู้ว่าเป็นเจตนา หรือพูดเพลิน จน "ทำปืนลั่น" โดยบอกว่า ก่อนที่สหรัฐฯจะปฏิบัติการถล่มนายพลอิหร่าน ได้แจ้งมายังไทยก่อน1วัน ทำเอาสื่อต้องหยิบประเด็นนี้มาพาดหัวข่าวกันเป็นแถว
หลังจากนั้น "ดอน" ก็กลายเป็น "ตำบลกระสุนตก" หรือจะเปรียบให้ใกล้เคียงกับสถานการณ์ก็น่าจะเป็น "ตำบลขีปนาวุธตก" เพราะถูกถล่มหนักจากนักการเมือง และโลกโซเชียลฯ
...ไม่อยากเชื่อว่า คำพูดเช่นนี้ จะออกมาจากปากของคนระดับ รมว.การต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์เป็นนักการทูตมืออาชีพมาก่อน... การเปิดเผยความลับทางการทูตเช่นนี้ นอกจากเป็นการเสียมารยาททางการทูต แล้วยังสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นการนำประเทศไทยเข้าสู่ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ...การพูดเช่นนี้ หวังผลอะไร พูดเพื่ออะไร เพราะการพูดในลักษณะเช่นนี้มีแต่ผลเสียมากกว่าผลดี
...สิ่งที่นายดอนพูดด้วยความภาคภูมิใจนั้น แม้เป็นความจริงก็พูดไม่ได้ เพราะจะถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดได้ และจะสร้างความไม่ปลอดภัยในชีวิตให้คนไทยที่อยู่ต่างประเทศทั่วโลกเลย จึงน่าตำหนิอย่างมาก แล้วนายดอน ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วย
...นี่เป็นการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน จะปล่อยเหมือนเรื่องอื่นไม่ได้ นายกฯต้องตัดสินใจ ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม โดยเสียสละนายดอน เพื่อรักษาประเทศ ถ้ารักษานายดอนไว้ อาจจะเดือดร้อนกันทั้งประเทศก็ได้ รวมทั้งคนไทยทั่วโลก จะหาความปลอดภัยไม่เจอ ... ถ้านายดอน ไม่ต้องการเป็นภาระให้กับคนไทย ก็ต้องตัดสินใจลาออกสถานเดียว
เมื่อเข้าไปส่องเฟซบุ๊กของ "ช่อ" พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ว่าได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้บ้างหรือไม่ ปรากฏว่าไม่พลาด..."ช่อ"บอกว่า นี่คือการเอาคอคนไทย 70 ล้านคนไปขึ้นเขียง ตกอยู่ในความเสี่ยงว่าจะกลายเป็นเป้าของการโจมตีแก้แค้น ในฐานะ"รู้เห็นเป็นใจ" ทั้งที่ไทยกับอิหร่าน มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาตลอด
หากจะให้ลองคิดเล่นๆว่านายดอน พูดไปทำไม เหตุผลเดียวที่ดูพอเป็นไปได้ อาจเป็นเพราะรัฐบาลไทยในยุคที่นายดอน เป็นเจ้ากระทรวงการต่างประเทศ ถูกวิจารณ์มาตลอดว่า เอียงข้างจีนมากเกินไป นายดอนจึงพยายามจะแสดงออกว่า สนิทสนมกับทางอเมริกาไม่แพ้กัน เพื่อรักษาดุลอำนาจความสัมพันธ์กับมหาอำนาจทั้งสองฝั่ง แต่กลับกลายเป็น "สนิทผิดเวลา" ไปอย่างมหันต์...
"ช่อ" ยังไม่ลืมโยงเรื่องนี้มาเป็นประเด็นการเมือง โดยบอกว่า... คำพูดที่น่าตกใจไปกว่าคำพูดของนายดอน คือคำพูดของ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่บอกกับนักข่าวว่าเรื่องนี้ "ไม่เกี่ยวกับตัวเอง เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ" และมั่นใจว่า คำพูดของนายดอน"ไม่กระทบความมั่นคง" ...นั่นเป็นการชี้ชัดว่า รัฐบาลนี้ไม่เคยมอง"ความมั่นคง"ของประชาชน แต่มองเฉพาะความมั่นคงของ"3ป." และเครือบริวาร แวดล้อมเท่านั้น เห็นได้จากการส่งตำรวจ ทหารไปติดตามสอดส่องนักการเมืองที่เดินทางไปทำกิจกรรมกับประชาชน จดชื่อ ถ่ายรูป ผู้ร่วมกิจกรรม หรือส่งคนไปตามถึงบ้านผู้จัดงาน โดยอ้างว่าคนเหล่านี้ มีพฤติกรรม "กระทบต่อความมั่นคง" ... ตกลงเรามีรัฐบาลไว้ทำไม ในเมื่อความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ไม่เคยได้รับความสำคัญเท่าความมั่นคงของรัฐบาล
เจอถล่มหนักเข้าไปอย่างนี้ "ดอน" จึงต้องกลับหลังหัน ออกมาแก้ข่าวว่า สิ่งที่ปรากฏเป็นข่าวไปนั้น มาจากข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ไมมีใครแจ้งการปฏิบัติการให้ไทยทราบก่อนแต่อย่างใด...
"นายดอน" ได้เป็น รมว.การต่างประเทศ ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลคสช. ซึ่งในช่วงที่จัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ มีโผออกมาว่าคนที่จะนั่ง รมว.ต่างประเทศ คือ "หม่อมเต่า" ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย แต่ "ลุงตู่"บอกว่าต้องตั้งนายดอน เพื่อสานงานที่ยังทำไม่เสร็จ ซึ่งหมายถึง การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ...
บัดนี้งานได้ผ่านพ้นไปแล้ว หากมีการปรับครม.หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชื่อ "ดอน" ถูกมองเป็นลำดับแรกๆ ว่าจะถูกคัดออก ยิ่งมา "ทำปืนลั่น" อย่างนี้ เห็นทีจะอยู่ยากจริงๆ
** "เจ๊หน่อย" สยบข่าวลือ บอกยังไม่ลาออก ซัดคนปล่อยข่าวไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ แต่เป็นพวกลอบกัด !!
หลังมีกระแสข่าวว่า "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เก็บข้าวเก็บของออกจากห้องในที่ทำการพรรคไปแล้ว และยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นประธานยุทธศาสตร์ และสมาชิกพรรค เพื่อไปอยู่กับพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม ... เพราะ "งอน" ที่นายใหญ่หันไปใช้งาน "เป็ดเหลิม" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในการวางยุทธศาสตร์ ซักฟอกรัฐบาลรอบนี้ และยังตั้งเป็น ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษของพรรค มาทับซ้อนกับตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์ ของเจ๊หน่อย
ล่าสุด "เจ๊หน่อย" ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวแล้วว่า ไม่เป็นความจริง!! ยังไม่ได้ยื่นใบลาออก และไม่ได้ถูกลดบทบาทใดๆ ทั้งสิ้น แถมยังซัดกลับแรงๆ ไปยังคนปล่อยข่าวว่า ใช้วิธี "ลอบกัด" ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ไม่มีศักดิ์ศรีเอาเสียเลย
"เจ๊หน่อย" ระบายความในใจว่า ตั้งแต่เข้ามาทำงาน มีตำแหน่งในพรรค ก็เจอมาหลายครั้งแล้ว ได้แต่เก็บความขมขื่นเอาไว้ในใจ ไม่เคยตอบโต้ เพราะคิดว่าพรรคต้องรบกับคู่แข่งรอบทิศ จึงได้แต่ก้มหน้าก้มตา ทำงานเต็มที่เพื่อให้พรรคแข็งแรง เพราะรักพรรคนี้มาก...พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหากับ "สมพงษ์ อมรวิวัฒน์" หัวหน้าพรรค หรือแม้แต่ "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" ก็ไม่ได้มีปัญหากัน
"อยากบอกว่า ร.ต.อ.เฉลิม เป็นดาวสภาฯ ท่านมาช่วยงานอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะเป็นงานถนัด เราแบ่งงานกันทำในพรรค ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร และก็พร้อมรับฟังเสมอ"
ว่ากันว่า หลังมีข่าวลือออกมาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. วันรุ่งขึ้น "เจ๊หน่อย" ก็จัดงานเลี้ยงปีใหม่ ที่บ้านพักลาดปลาเค้า เพื่อขอบคุณ ส.ส.อีสาน ภาคเหนือ และภาคกลาง ที่ลงไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อมส.ส.ขอนแก่น และเป็นการ "เช็กกระแส" ไปในตัว โดยเชิญ ส.ส.มาร่วมงานประมาณ 30 คน แต่ปรากฏว่า มีส.ส.มาร่วมงานประมาณ 60-70 คน แถมยังมีคำบอกเล่าจาก ส.ส. ในสายของเจ๊หน่อยว่า มีส.ส.หลายคน ได้รับโทรศัพท์จากผู้ใหญ่ของพรรค บางคนบอกว่า ไม่ควรไปร่วมงาน เดี๋ยวจะถูกเอาไปแอบอ้างว่า ส.ส. ยังสนับสนุนอยู่... แต่นั่นทำให้ ส.ส.เกิดความสงสาร เห็นใจ ว่าไม่ควรมีการเลื่อยขาเก้าอี้กันเองในพรรค จึงทำให้มี ส.ส.ไปร่วมงานกันมากเกินความคาดหมาย
และนี่เองจึงเป็นที่มาให้ "เจ๊หน่อย" ออกมาประกาศสู้ต่อ !!