งบกองทัพ 1.2 แสนล้านผ่านฉลุย ด้วยเสียง 247 ต่อ 195 งดออกเสียง 11 แม้ฝ่ายค้านถลกเละแต่ไม่เป็นผล ยืนตาม กมธ.เสียงข้างมาก
วันนี้ (8 ธ.ค. 63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการอภิปรายส่วนใหญ่ ส.ส.ต่างปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในกำกับ จำนวน 1.2 แสนล้านบาท เนื่องจากความไร้ประสิทธิภาพของการปฏิบัติภารกิจทหาร เช่น การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กว่า 16 ปี แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาให้คลี่คลายได้ โดยนายซูการ์โน่ มะทา ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ อภิปรายว่า ตนขอปรับลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม 30% เพราะความล้มเหลวในการแก้ปัญหาไฟใต้ โดยตลอด 16 ปี พบการสูญเสียของตำรวจและทหารเป็นจำนวนมาก อีกทั้งตนคิดว่าประเทศอยู่ในภาวะปกติ ไม่ได้อยู่ในสภาวะสงคราม ดังนั้น ต้องมีการตั้งงบประมาณกองทัพให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ โดย 5 ปีที่ผ่านมากองทัพตั้งงบประมาณโตอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นการตั้งตอบโจทย์ผิด และควรนำงบในส่วนนี้มาพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น การศึกษา สำคัญกว่าการจัดซื้อาวุธ ที่ผ่านมาการขัดซื้ออาวุธทั้ง การจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 รวมทั้งเรือเหาะ และตามมาด้วยเรือดำน้ำ ถือเป็นการล้มเหลวของการจัดซื้ออาวุธซึ่งตนมองว่าไม่เกิดประโยชน์
ขณะที่นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายขอลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม 10% พร้อมตั้งคำถามถึงการจัดสรรงบลับในกระทรวงให้แก่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่ดูแลงานด้านกฎหมาย และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ดูแลงานด้านเศรษฐกิจ เดือนละ 1 ล้านบาท ขอให้ กมธ.ชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวว่า ทราบและตรวจสอบหรือไม่ว่าจัดสรรงบลับให้รองนายกฯ ที่ไม่เกี่ยวกับงาานทหารเพื่ออะไร หากงบประมาณใช้ไม่หมดควรส่งคืนคลัง
ด้ายนายสันติ กีระนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ กมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่าที่ผ่านมาประชาชนอาจจะแคลงใจในการจัดซื้อเรือดำน้ำ แต่ตนชี้ว่าโครงการดังกล่าวเป็นจัดซื้อแบบจีทูจี ส่วนในเรื่องความลึกของระดับน้ำของอ่าวไทยกับทะเลอันดามันนั้น ที่ผ่านมามีการซ้อมรบโดยสหรัฐอเมริกานำเรือดำน้ำของตัวเองมาร่วมซ้อมด้วย มีขนาดใหญ่ถึง 7,500 ตัน ยังมาซ้อมในน่านน้ำไทยได้ ขณะที่เรือดำน้ำที่เราซื้อมามีขนาดเพียง 2,000 ตันเท่านั้นจึงไม่น่ามีปัญหา การจัดซื้อเพียง 3 ลำจากการต้องดูแลน่านน้ำยาวถึง 3.2 แสนตารางกิโลเมตร ถือว่ากองทัพเรือช่วยประหยัด เพราะเราจำเป็นต้องมีถึง 3-4 ลำ เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามมี 6 ลำ อินโดนีเซีย 5 ลำ สิงคโปร์ 4 ลำ มาเลเซีย 2 ลำ พม่าก็มีแผนจะรับมอบ 2 ลำ และฟิลิปปินส์กำลงจัดหา 3 ลำ ดังนั้น ถ้าเราไม่เตรียม แสนยานุภาพให้ทัดเทียม ความเกรงอกเกรงใจก็จะลดลง หากความมั่นคงของประเทศไม่มี ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ก็ไม่เกิด กำลังต่อรองของเราก็น่าจะกังวลใจ
กระทั่ง เวลา 23.10 น. ที่ประชุมเสียงข้างมากมีมติ 247 ต่อ 195 งดออกเสียง 11 เห็นชอบมาตรา 8 ที่ กมธ.เสียงข้างมากได้มีการแก้ไขจากร่างฯ เดิม