หลัง “ช่อ” แฉผู้จัด “วิ่งไล่ลุง” ต่างจังหวัดถูกข่มขู่คุกคาม ห้ามจัด ลูกพรรค อนค.ขานรับเป็นพรวน อ้าง “กีฬา” ไม่ผิด ชงดิสเครดิต “ลุงตู่”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (7 ม.ค. 63) เฟซบุ๊ก พงศกร รอดชมภู ของ พล.ท.พงศกร รอดชมภู “นายพลส้มหวาน” ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความระบุว่า
“การวิ่งออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาตใดๆ เพราะเป็นกีฬา ไม่ใช่การชุมนุม
ถ้าเจ้าหน้าที่คุกคาม อัดคลิปเสียง และถามว่ามาเกี่ยวข้องกับเสรีภาพของประชาชนเรื่องนี้ด้วยกฎหมายข้อใดห้ามไว้
ถ้าข่มขู่ก็ผิด ป.อาญา 157 เป็นอาญาโทษจำคุก ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่โดยตรง มาแอบอ้างก็ผิด ป.อาญา ม.145 เช่น เป็นพลเรือนอ้างอำนาจตำรวจ เป็นต้น
วันนี้เช่นเดียวกัน เฟซบุ๊กคริส โปตระนันทน์ ของนายคริส โปตระนันทน์ ส.ส.กทม.พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความพร้อม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ประกอบ
โดยระบุว่า พระราชบัญญัตินี้ ไม่ใช้บังคับแก่การชุมนุมสาธารณะ ดังต่อไปนี้
(3) การชุมนุมเพื่อจัดแสดงมหรสพ กีฬา ส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือกิจกรรมอื่นเพื่อประโยชน์ทางการค้าปกติของผู้จัดการชุมนุมนั้น
อย่าให้เขาอำเราได้ครับ ต้องแม่นยำกฎหมาย
รวมถึงที่จัดจ้านไปกว่านั้น ก็คือ เฟซบุ๊ก Bow Nuttaa Mahattana ของ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ “โบว์” นักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้ใกล้ชิดพรรคเพื่อไทย ระบุว่า
“ถ้าตำรวจมาหาเรื่องจะตั้งข้อหาก็มีทางเลือกสองทาง หนึ่งคือ ยอมจ่ายค่าปรับ ถือซะว่าจ่ายค่าคุ้มครองพวกนักเลงตามตลาด ต่อเก่งหน่อยให้เหลือพันหนึ่ง ถ้าต่อไม่เก่งจ่ายไปสองสามพันตามที่เค้าเคยจ่ายกัน
ถ้าจะสู้คดีก็ปล่อยมาเฟียทำสำนวนส่งอัยการไป ถ้าอัยการบ้าจี้สั่งฟ้อง ศาลปกติน่าจะยก (จะนิยามการชุมนุมสาธารณะยังไงให้ตรงกับการวิ่ง คนมันวิ่งกันทุกวัน) แต่ถ้าเจอศาลปัญญาอ่อนก็จะสั่งลงโทษปรับประมาณสองพัน แบบที่รุ่นพี่เค้าทำกัน
ส่วนงานนี้ล่วงเลยมาถึงขั้นนี้ น่าไปร้องศาลปกครองให้คุ้มครองฯ
ทั้งนี้ เรื่องของเรื่อง เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 63 น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ “ช่อ” โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวแสดงความกังวลถึงกรณีการออกหมายเรียกบุคคลต่างๆ ให้เข้ารับทราบข้อหาตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และกรณีการคุกคามประชาชนที่จะทำการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ในจังหวัดต่างๆ
น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าเสรีภาพการแสดงออกของประชาชนกำลังถูกคุกคาม จากกรณีการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 ม.ค.นี้ ซึ่งมีการจัดกิจกรรมกระจายไปในหลายสิบจังหวัดทั่วประเทศไทย ที่ผ่านมาผู้จัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในกรุงเทพมหานครถูกคุกคาม...
ต่อมาได้มีการร้องเรียนการถูกคุกคามเข้ามาที่คณะกรรมาธิการกฎหมายและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ทำให้มีการเรียกเจ้าหน้าที่มาสอบถาม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ยืนยันว่ากิจกรรมวิ่งไล่ลุงที่จะจัดขึ้น เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ตามกฎหมาย
“หากแต่ปรากฏว่าที่ผ่านมา การจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในหลายจังหวัด กลับมีการคุกคามผู้จัดกิจกรรม ถูกติดตามโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดพะเยา ที่มีการเรียกผู้จัดกิจกรรมไปพบ และไม่อนุญาตให้มีการจัดกิจกรรม โดยบอกว่าผู้จัดไม่ได้ขออนุญาตสถานที่หลายสถานที่ รวมทั้งที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ที่ไม่ได้ติดเครื่องหมายชั้นยศแสดงตนสังกัดที่ชัดเจน เรียกผู้จัดกิจกรรมพบถึงสองครั้ง พร้อมมีคำพูดข่มขู่จากเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ระบุว่า คงพอรู้นะว่าพื้นที่นี้เป็นของใคร”
น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ในฐานะผู้แทนราษฎร ขอยืนยันว่าพื้นที่สาธารณะทุกแห่งในประเทศไทยเป็นพื้นที่ของประชาชนคนไทยทุกคนที่เป็นเจ้าของประเทศ และตราบใดที่กิจกรรมที่ทำไม่ได้ขัดต่อกฎหมายและขื่อแปของบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจย่อมไม่มีสิทธิไปคุกคาม และยังต้องอำนวยให้กิจกรรมเหล่านั้นเกิดขึ้นอย่างสะดวกเรียบร้อยและปลอดภัย
ทั้งหลายทั้งปวง ประเด็นน่าจะอยู่ที่ “วิ่งไล่ลุง” เป็น “อีเวนต์ทางการเมือง” หรือไม่ ถ้าตอบแบบไม่บิดเบือน ไม่คิดว่าคนไทยโง่
ประเด็นต่อมา ผิดกฎหมายหรือไม่ น่าจะอยู่ที่พฤติกรรมของ “ผู้จัด” ว่าจงใจท้าทายกฎหมายหรือไม่ อย่าลืมว่าผู้จัดบางคนคิดว่าตัวเองมีการเมืองหนุนหลัง ก็ไม่เห็นแก่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเหมือนกัน ทำตัวใหญ่โต เขื่องโขมีเยอะแยะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำตามกฎหมายก็ลำบากใจ และถูกกดดัน ซึ่งถ้าไม่ผิดก็เอาผิดกับเจ้าหน้าที่ได้
ประการสุดท้าย “วิ่งไล่ลุง” จะสำเร็จหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ขณะนี้ที่ต้องการสร้างกระแสก็คือ เล่นเกม “ดิสเครดิต” รัฐบาล โหมกระแสแขก ทำให้เห็นว่า แค่ “วิ่ง” ก็กีดกันสิทธิเสรีภาพประชาชน อย่างที่ “ช่อ” พยายามร่ายยาว
เป็นการ “ชง” ประเด็นขึ้นมา ให้พวกเดียวกันขานรับ ให้เครือข่ายขยายผลนำไปด่ารัฐบาลต่อ อย่างนี้ก็ไม่ค่อยกีฬาเท่าไหร่ ว่ามั้ย?