xs
xsm
sm
md
lg

“เทพไท” วิเคราะห์ 10 ปัจจัย ปี 63 รัฐบาลประยุทธ์ต้องเผชิญ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เทพไท” ชี้ 10 ปัจจัยอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในปี 2563

วันนี้ (2 ม.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองในปี 2563 ว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของรัฐบาล ภายในปี 2563 น่าจะเกิดจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่สั่งสมกันมาจนมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จากปรากฏการณ์ดังต่อไปนี้

1. การอภิปรายพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี 2563 ในวาระ 2 และวาระ 3 ซึ่งจะนำเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 8-9 มกราคม 2563 นี้พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการอภิปรายแปรญัตติ ถล่มงบประมาณของกระทรวงกลาโหม เพื่อดิสเครดิตกองทัพและรัฐบาล

2. การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแบบรายบุคคลของพรรคฝ่ายค้าน ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ หากสามารถเปิดแผลการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาลได้ หรือมีใบเสร็จแสดงหลักฐานการทุจริตได้ชัดเจนก็จะมีการเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแน่นอน

3. การปรับคณะรัฐมนตรีของรัฐบาล อาจจะเกิดขึ้นก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อลดกระแสหรือตัดหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อน หรืออาจจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี หลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้านแล้ว เพื่อใช้โอกาสนี้ปรับรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไปบ้าง แต่ทางการเมืองถ้ารัฐบาลชุดใดปรับคณะรัฐมนตรีเกิดขึ้นก็จะเป็นสัญญาณการนับถอยหลังทางการเมืองทันที

4. จับตาท่าทีและความเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มพรรคเล็กที่รวมตัวกันมีจำนวน ส.ส.มากพอที่จะต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีได้ เช่น กลุ่มกิจสังคมใหม่ หรือพรรคเศรษฐกิจใหม่

5. เหตุการณ์การพิจารณาพิพากษาคดียุบพรรคอนาคตใหม่ และคดีอื่นๆอีกหลายคดี หากพรรคอนาคตใหม่ถูกศาลตัดสินยุบพรรค จะต้องจับตา กลุ่มงูเห่า หรือการช้อนซื้อตัว ส.ส.เพื่อเข้าสังกัดพรรคร่วมรัฐบาล หรือพรรคขนาดเล็กเพื่อเพิ่มจำนวน ส.ส.ให้เท่ากับโควตารัฐมนตรี

6. การนัดชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือแฟลชม็อบ และการเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกสภาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ ว่าจะมีพลัง หรือสร้างแรงกดดันทางการเมืองได้หรือไม่

7. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 จะได้เข้อสรุปภายใน 180 วันตามกำหนด จะมีการแก้ไขในประเด็นใดบ้าง และจะมีแรงต่อต้านหรือสนับสนุนของมวลชนของแต่ละฝ่ายหรือไม่

8. การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาปากท้องของประชาชน ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ในรอบครึ่งปี หรือในไตรมาสที่ 2 จะมีผลสำเร็จมากน้อยเพียงใด


9. การเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจในกองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพราะปีนี้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 กันยายนปีนี้ การแต่งตั้งผู้มาดำรงตำแหน่งแทนจะมีการจัดสรรดุลอำนาจได้ลงตัวหรือไม่ หรือจะเกิดแตกแยก เกิดแรงกระเพื่อมในกองทัพหรือไม่

และ 10. การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้านครั้งที่ 2 ในรอบหนึ่งปี เมื่อถึงวันนั้นเสถียรภาพรัฐบาล อาจจะง่อนแง่น มีสภาพทางการเมืองบอบช้ำมาตลอดหนึ่งปี ก็จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่พรรคฝ่ายค้านจะเผด็จศึกรัฐบาลลงได้ในการส่งท้ายปี 2563 เพราะฉะนั้นตลอดปี 2563 สถานการณ์ทางการเมืองจะร้อนแรงขึ้นเป็นลำดับรัฐบาลก็จะได้รับแรงเสียดทานจากปัญหาการเมืองต่างๆ นานา ถ้ารัฐบาลไม่สามารถแก้เกมการเมือง หรือปลดล็อคปัญหาทางการเมืองออกไปได้ก็อาจจะมีความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพราะอายุของสภาผู้แทนราษฎรอยู่มาได้เกือบครบ2ปี ถ้าไม่มีการยุบสภาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีก็ต้องลาออก เพื่อให้รัฐสภา โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพื่อบริหารประเทศต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น