โฆษก รบ. ย้ำรัฐดูแลทุกคนบนแผ่นดินไทย ยึดหลักกฎหมายและมนุษยธรรม ปัจจุบันมีชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ได้สัญชาติไทย แล้ว 2.58 แสนคน ขออย่านำประเด็นชาติพันธุ์มาสร้างความสั่นคลอนต่อความรักสามัคคีของคนในชาติ
จากกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไปร่วมงานปีใหม่ม้ง เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมระบุข้อความตอนหนึ่งในอินสตาแกรมส่วนตัวว่า "ชาวม้ง ชาวชาติพันธุ์ล้วนมีชีวิตจิตใจ มีภาษา มีวัฒนธรรมที่เป็นของตนเอง แต่ถูกริดรอน สิทธิและเสรีภาพ กลับต้องพบกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดกับพวกเขามากมาย ทั้งที่เขาก็เป็นเพื่อนร่วมผืนแผ่นดินเดียวกับเรา เป็นคนในชาติเดียวกับเรา แต่ไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานในการเป็นมนุษย์จากรัฐเลย" ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2562 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีย้ำให้ความมั่นใจรัฐบาลดูแลคนไทยและทุกชาติพันธุ์ที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง และขอร้องอย่านำประเด็นชาติพันธุ์มาสร้างความสั่นคลอนต่อความรักสามัคคีของคนในชาติ เชื่อมั่นว่า ทุกคนบนแผ่นดินไทยต่างมีความรักประเทศไทย และอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข โดยรัฐบาลยืนยันดูแลทุกกลุ่มทุกชาติพันธุ์ตามกฎหมายและหลักมนุษยธรรม
ทั้งนี้ ชาติพันธุ์ม้งที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย เป็นชนกลุ่มน้อยเช่นเดียวกับกลุ่มบุคคลบนพื้นที่สูง เช่น ชาวเขาเผ่าต่างๆ ไทยใหญ่ จีนฮ่อ ไทยลื้อ และกลุ่มอื่นๆ ที่รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาเรื่องสถานะและสิทธิ โดยมีมติ ครม. ที่เกี่ยวข้องหลายมติ ได้แก่
1. มติ ครม. วันที่ 7 ธ.ค. 2553 กำหนดให้ชนกลุ่มน้อยที่ราชการได้จัดทำทะเบียนประวัติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้เกิดในประเทศไทย ให้สถานะเป็นคนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย (ให้ขอใบสำคัญถิ่นที่อยู่) และถ้าจะขอมีสัญชาติไทย ให้ขอแปลงสัญชาติ
2. มติ ครม. วันที่ 7 ธ.ค. 2559 กำหนดให้บุตรของชนกลุ่มน้อยที่เกิดในประเทศไทยสามารถขอมีสัญชาติไทยได้ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ โดย รมว.มท.มอบอำนาจให้นายอำเภอเป็นผู้อนุมัติ กรณีผู้ขอสัญชาติอายุไม่เกิน 18 ปี และให้ ผวจ.เป็นผู้อนุมัติกรณีผู้ขอสัญชาติอายุเกิน 18 ปี
3. มติ ครม. วันที่ 5 ก.ค. 2548 กำหนดให้เด็กทุกคนทั้งไทยและต่างด้าวที่ไม่มีเอกสารทะเบียน สามารถเข้าเรียนหนังสือในระดับการศึกษาภาคบังคับได้ทุกรายโดยรัฐสนับสนุนงบรายหัวให้ทุกปี
4. มติ ครม. วันที่ 23 มี.ค. 2553 และ 20 เมย 2558 อนุมัติให้สิทธิการรักษาพยาบาลแก่ชนกลุ่มน้อย และกลุ่มชาติพันธุ์ที่รัฐสำรวจจัดทำทะเบียนไว้ทุกคนโดยรัฐสนับสนุนงบรายหัวให้ทุกปี
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มีชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับอนุมัติสัญชาติไทยแล้ว จำนวนประมาณ 2.58 แสนคน
โฆษกฯได้กล่าวย้ำด้วยว่า “ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ เป็นเวลาที่ทุกคนจะได้มีความสุข ได้อยู่ร่วมกับครอบครัว ขออย่าได้จุดประเด็นความขัดแย้งให้เกิดความขัดข้องหมองใจ และในช่วงเทศกาลนี้ รัฐบาลพร้อมดูแลพี่น้องประชาชนทุกคนให้เดินทางกลับบ้านเยี่ยมครอบครัวโดยสวัสดิภาพ และสั่งการให้ทุกหน่วยพร้อมช่วยเหลือประชาชนและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่”