โฆษกอนาคตใหม่ โวยเอกสารหลุดแนวคำวินิจฉัยคดี “ธนาธร” ปล่อยกู้พรรค ตั้งธงเอาผิดอาญาหัวหน้าพรรค พร้อมกรรมการบริหาร ทั้งอาญา-ตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี พร้อมชงศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค อ้างแหล่งข่าวบอกมีใบสั่งมาอีกใบ เหมือนคดีหุ้น วี-ลัค มีเดีย
วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่พรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ แถลงกรณีมีการเผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับแนวทางคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ปล่อยเงินกู้ 191 ล้านบาท ให้พรรค ว่า เอกสารดังกล่าวอาจจะหลุดออกมาจาก กกต. โดยมีลักษณะที่จะให้ดำเนินคดีอาญานายธนาธร และกรรมการบริหารของพรรคในคดีเงินกู้ของนายธนาธรให้ได้
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เอกสารที่หลุดออกมานั้น ทำให้เกิดความน่าสงสัย ว่า การดำเนินการของ กกต.เป็นไปโดยมีธงทางการเมือง และใบสั่งทางการเมืองหรือไม่ เพราะรายละเอียดในเอกสารนี้ได้มีการชี้นำคดีไว้เรียบร้อยแล้ว ว่า จะให้นายธนาธร และกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ มีความผิดในคดีอาญา ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี โดยความเห็นนี้มีมาตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน แต่กกต.มาเรียกพยานเอกสารจากพรรคในเดือนตุลาคม ทั้งนี้ ต้องอย่าลืมว่า ใบสั่งทางการเมืองสามารถมีได้มากกว่าหนึ่งใบเสมอ ซึ่งทางพรรคอนาคตใหม่เอง ก็ได้รับรายงานมาจากแหล่งข่าวเช่นกัน ว่ากำลังมีความพยายามที่จะทำให้คดีนี้ นำไปสู่การวินิจฉัยโดยศาลรัฐธรรมนูญและนำไปสู่การยุบพรรคอนาคตใหม่ ทั้งๆ ที่คดีนี้ฐานความผิดไม่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคเลยแม้แต้น้อย ไม่สามารถนำไปสู่การยุบพรรคได้ตามตัวบทกฎหมาย
โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้พรรคมีข้อสังเกตว่าในขณะนี้อาจมีใบสั่งทางการเมืองไม่ใช่แค่ใบเดียว แต่มีสองใบหรือไม่ กล่าวคือ ทั้งจะดำเนินคดีอาญาตัดสิทธิทางการเมืองนายธนาธร และกรรมการบริหารพรรค 5 ปี พร้อมกับนำเรื่องขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การยุบพรรคให้ได้ด้วย จึงขอให้ประชาชนได้ช่วยกันจับตามองในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
น.ส.พรรณิการ์ ยังอ้างอีกว่า สิ่งที่น่าจะพอทำให้เห็นได้ว่าการตั้งธงธงหรือใบสั่งทางการเมืองอาจจะเป็นเรื่องจริง คือ กรณีที่ กกต.ไม่รอให้คณะอนุกรรมการสอบสวนคดี วี-ลัค สอบสวนให้แล้วเสร็จก่อน แต่กลับมีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญไป โดยที่ยังมีการเรียกพยานในคดีดังกล่าวไปสอบอยู่ ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ได้ยื่นฟ้อง กกต.ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไปแล้ว