“ติ๊งต่าง” สาวก ปชป.แรงจัด แนะพรรคสีฟ้าถอนตัวจากรัฐบาล อย่าไปเกลือกกลั้วให้เสียศักดิ์ศรี อย่ายอมให้เขามาลำเลิกบุญคุณ คนเหล่านี้ก้าวขึ้นมาได้ก็เพราะ ปชป.
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (5 ธ.ค. 62) เฟซบุ๊ก Kanjanee Valyasevi ของนางกาญจนี วัลยะเสวี หรือติ๊งต่าง เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับ และแกนนำกลุ่มชาวไทยหัวใจรักสงบ แม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์หัวข้อ “จากรูปนี้”
โดยระบุว่า -- อยากให้พรรค ปชป.ถอนตัวออกจากรัฐบาลนี้เถอะ อย่าไปเกลือกกลั้วกับคนจำพวกนี้เลย เพราะ ปชป.ศักดิ์ศรีเหนือกว่าเขามากมาย เคยทำคุณประโยชน์ให้ชาติบ้านเมืองมาก็เยอะ อย่ายอมให้คนพวกนี้มาลำเลิกบุญคุณ คนเหล่านี้ก้าวขึ้นมาได้ก็เพราะ ปชป.ไปมีส่วนช่วยพวกเขา ลองถอยออกมาแล้วดูซิว่าเขาจะยังจองหองพองขนต่อไปได้ไหม
-- ศักดิ์ศรี คำนี้มีความหมายต่อชีวิตคน -- เราควรอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ดีกว่าปล่อยให้เขาโขกสับ
# ยิ่งใหญ่กว่ามติพรรค คือ สัญญาที่ให้ไว้กับพี่น้อง ปชช.
ประเด็น เนื่องมาจากการเสนอญัตติให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 (27 พ.ย. 62) ซึ่งปรากฏว่ามีเสียงฝ่ายรัฐบาลเห็นด้วย 6 เสียง และเป็นของ ส.ส.ปชป.นั่นเอง
กล่าวคือ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายอันวาร์ สาและ นายเทพไท เสนพงศ์ นางกันตวรรณ ตันเถียร นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ โดยอ้างว่าเป็นผู้เสนอญัตติ
จนนำมาสู่คำพูดของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในทำนองลำเลิกบุญคุณที่ได้ร่วมรัฐบาล
ที่น่าสนใจสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ก็คือ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 62 ที่รัฐบาลสามารถคว่ำญัตติตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากประกาศ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 ได้นั้น ก็ปรากฏว่า คะแนน 244 ต่อ 5 งดออกเสียง 6 โดยที่ส.ส.ฝ่ายค้านไม่ร่วมโหวตญัตติดังกล่าว
เป็น ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ 4 คน คือ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี และพรรคอนาคตใหม่ 1 คน คือน.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี
ทั้งนี้ นายเทพไท ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โดยยกเหตุผล 3 ข้อ ว่า 1. ญัตตินี้เป็นญัตติของพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการนำเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมพรรคมาก่อน และมี ส.ส.ของพรรคที่เป็นอดีตรัฐมนตรีลงชื่อเป็นเจ้าของญัตติ จำนวน 7 คน เช่น นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายกรณ์ จาติกวณิช, นายสุทัศน์ เงินหมื่น, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค, นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ, นายถาวร เสนเนียม, นายอิสสระ สมชัย และมี ส.ส.ของพรรคลงชื่อรับรองจำนวน 20 คนด้วย
2. ในการพิจารณาญัตตินี้ ตนได้อภิปรายแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร สนับสนุนให้นำคำสั่งของคณะรัฐประหารทุกชุด และกฎหมายที่ออกโดยสภานิติบัญญัติ (สนช.) มาศึกษา ซึ่งแตกต่างกับญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
3. ญัตตินี้ตรงกับอุดมการณ์ของพรรค ข้อ 4 ที่ระบุว่า “พรรคจะไม่สนับสนุนระบบ หรือวิธีแห่งเผด็จการ ไม่ว่าจะเป็นระบบและวิธีการของรัฐบาลใดๆ” ซึ่งได้ประกาศไว้ตั้งแต่วันก่อตั้งพรรค 6 เมษายน 2489 เป็นเวลา 73 ปีผ่านมาแล้ว และยังคงทันสมัยจนถึงปัจจุบัน
ขอยืนยันว่าในฐานะสมาชิกพรรคคนหนึ่งพร้อมที่จะปฏิบัติตามมติพรรค และมติวิปรัฐบาลทุกประการ แต่อุดมการณ์ของพรรคต้องอยู่เหนือมติพรรคและมติวิปรัฐบาล หรือเงื่อนไขใดๆ ในการเข้าร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน
ถ้ายังจำกันได้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เคยพูดในทำนองนี้มาก่อน (5 มิ.ย. 62) “สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ามติพรรค คือสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน” ขณะตัดสินใจไม่ร่วมสังฆกรรมกับ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ที่น่าสนใจไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ (30 พ.ย. 62) นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และอดีต ส.ส.จังหวัดกระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
“เห็นภาพหัวหน้าพรรคและเลขาฯ พรรคปชป.ไปเดินขนาบซ้ายขวาเป็นสมุนหัวหน้าคณะ รปห. อย่างออกหน้าออกตาแล้ว รู้สึกหมดสิ้นแล้วซึ่งศักดิ์ศรีชาวสีฟ้าจริงๆ”
รวมทั้งโพสต์อีกว่า “ความผิดพลาดอะไร ถ้าเกิดซ้ำเป็นครั้งที่สอง ระวังจะต้องมีครั้งที่สาม”
แต่สำหรับการนำพาพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ดูเหมือนชัดเจนว่า กำลังทำอะไร เพื่ออะไร
เห็นได้จากคำกล่าว ขณะจัดการอบรม Avengers หลักสูตรผู้นำภาคใต้ "ขุนพลประชาธิปัตย์ อุดมการณ์ ทันสมัย" โดยมีนายจุรินทร์ เป็นประธานในพิธีเปิด มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาผู้แทนราษฎร อดีตหัวหน้าพรรค และประธานที่ปรึกษาพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการที่ปรึกษาพรรค นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อของพรรค พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค กรรมการสาขาพรรค และสมาชิกพรรค ในพื้นที่ภาคใต้เข้าร่วมประชุม
นายจุรินทร์กล่าวว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่เหมือนอดีตเพราะ ประการที่หนึ่ง ไม่ได้มี ส.ส. 160 แต่มีแค่ 53 ส.ส. ประการที่สอง ไม่ใช่แกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่เป็นแค่พรรคร่วมรัฐบาล และประการที่สาม ไม่ได้มี 40- 50 เสียงในภาคใต้อีกต่อไป แต่เหลือแค่ 22 ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง โจทก์ของเราจึงต้องมาช่วยกันหาคำตอบว่าทำอย่างไรเราจึงจะฟื้นปักษ์ใต้กลับคืนมา ซึ่งต้องฝากทุกคนช่วยคิด
“แต่สำหรับตน คำตอบแรกก็คือเราต้องไม่ทำเหมือนเดิมเพราะถ้าทำเหมือนเดิม คำตอบของเราก็จะออกมาเหมือนเดิม มาถึงวันนี้เราคิดว่าเราไม่มีทางเลือก เราต้องจับมือกันเดินหน้าไปด้วยกันด้วยความเป็น "อเวนเจอร์ส" สู่ความเปลี่ยนแปลง โดยประการที่หนึ่งต้องทำให้คนปักษ์ใต้เห็นให้ชัดว่า ประชาธิปัตย์วันนี้มีความเปลี่ยนแปลง หัวใจสำคัญคือ เปลี่ยนที่การกระทำไม่ใช่คำพูด ต้องทำให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ยุคใหม่ เน้นการทำและทำที่ว่าคือทำเพื่อประชาชน ทำในสิ่งที่เป็นรูปธรรม และทำได้ไว ทำได้จริง”
ดังนั้น ต้องพิสูจน์ตั้งแต่การร่วมรัฐบาลเงื่อนไข 3 ข้อ มาวันนี้ทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะประกันรายได้ ทั้งปาล์ม ทั้งยาง เริ่มปรากฏผลให้เห็นชัดแล้ว นอกจากเงินส่วนต่างวันนี้ปาล์มขึ้นไปแล้ว กิโลละกว่า 4 บาท ส่วนยางแม้ยังช้าอยู่บ้าง เพราะการตรวจสวนของการยางยังล่าช้า แต่หลังการตรวจสวนงวดแรกแล้วการโอนเงินงวดต่อไปจะได้เร็วในทันที และผู้ถือบัตรสีชมพูแม้ยังมีอุปสรรคบ้างแต่ยืนยันจะสู้ให้ต่อไป ประชาธิปัตย์ยุคใหม่จึงไม่เน้นประชาธิปไตยอย่างเดียว แต่ต้องเป็น "ประชาธิปไตยกินได้" ขายของจริงและพร้อมตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่อย่างมุ่งมั่น เข้มแข็งต่อไปเพื่อประชาชน...
แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังเผชิญปัญหา การต่อสู้ในสองมิติเป็นสำคัญ นั่นคือ การยึดมั่นในอุดมการณ์อย่างมั่นคง อย่างที่ “อภิสิทธิ์” อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรคบางคนที่ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอ้าง และรวมถึงหลายคนที่ยังอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ อย่างกลุ่มที่มีแนวคิดแบบ “เทพไท” กับ การเปลี่ยนแปลงตามแนวทางการสร้างพรรคใหม่ของ นายจุรินทร์ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ที่เลือกเดินแนวทาง “ประชาธิปไตยกินได้” ไม่ใช่ดีแต่พูด อย่างที่ถูกกล่าวหา ซึ่งตัดสินใจร่วมรัฐบาลด้วยเหตุผลนี้
โพสต์ของ “ติ๊งต่าง” จึงไม่ต่างจากสาวกที่อารมณ์ค้างเพราะพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจร่วมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้า คสช.
อารมณ์ค้าง เพราะต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์ ยึดมั่นในอุดมการณ์ที่มีมาตั้งแต่ตั้งพรรค คือ ไม่ร่วมสังฆกรรมกับเผด็จการทุกรูปแบบ แต่ขอโทษที แม้แต่นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคหลายสมัย และอดีตนายกรัฐมนตรี ยังยอมร่วมสังฆกรรมกับ อำนาจ คสช. หน้าตาเฉย ยังไม่เข้าใจประชาธิปัตย์ที่แท้จริงอีกหรือ ว่า “อยู่เป็น” !!!