"ชวน" รับรวบ "ไวพจน์" ได้เลย ชี้สภาล่มอีกมีผลภาพลักษณ์ ย้อนอำนาจยุบสภาไม่ได้อยู่ที่คนขู่

วันนี้ (4ธ.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาออกหมายจับพ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่าตามรัฐธรรมนูญการให้เอกสิทธิในการคุ้มครองส.ส.กรณีที่ถูกดำเนินคดีต้องอยู่ในขั้นตอนการสืบสวน สอบสวน แต่กรณีนี้เลยขั้นตอนนี้ไปแล้ว เพราะศาลได้ตัดสินคดีถึงที่สุดแล้ว อีกทั้งศาลได้ออกหมายจับแล้ว ซึ่งตอนนี้พ.ต.ท.ไวพจน์ไม่ได้เข้ามาปรึกษาอะไร

เมื่อถามว่า หากพ.ต.ท.ไวพจน์ปรากฎตัว สามารถจับตัวได้เลยหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า “ใช่ครับๆ”

เมื่อถามถึง องค์ประชุมในกรณีขอนับคะแนนใหม่ของฟากรัฐบาลหลังโหวตแพ้ให้กับฝ่ายค้านในการตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลจากการคำสั่ง คสช.และมาตรา 44 นายชวน กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวอย่าไปตื่นเต้นมากนัก เพราะไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติมากจนเกินไป เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในบางครั้งในสภาหลายๆชุด แต่กรณีไหนที่เกิดจากความตั้งใจจะทำให้เกิดปัญหา และเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กัน แต่ตนขอเรียนว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้ ในกรณีที่สมาชิกยังไม่พร้อม หรือเจ็บป่วย หรือรัฐมนตรีคนนั้นมาไม่พร้อม หรือไม่คิดว่าญัตตินั้นจะเป็นปัญหา หรือมีกลุ่มหนึ่งเดินออกโดยที่ไม่เข้าประชุม แต่โดยทั่วไปในรัฐบาลสมัยนี้ก็ต้องมีองค์ประชุมพร้อม ซึ่งถือเป็นภาระร่วมกันของทุกฝ่าย แต่ภาระแรกเป็นของฝ่ายรัฐบาล เพราะถือว่าเป็นฝ่ายที่เป็นเสียงข้างมาก

เมื่อถามย้ำว่า หากเกิดเหตุการณ์สภาล่มอีกครั้งหนึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์รัฐบาลหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า แน่นอน ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ เสียภาพลักษณ์แน่ เสียไปถึงเสียงข้างมาก และเสียไปถึงคนที่ไม่เข้าประชุม เพราะทุกอย่างประชาชนจับตามมองอยู่ ซึ่งการประชุมสภาก็ถือเป็นความรับผิดชอบ หากฝ่ายไหนก็ตามจงใจเพื่อไม่ให้องค์ประชุมครบหลายครั้ง คนก็จะรู้ ครั้งสองครั้งอาจจะไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ เพราะถือว่าเป็นสิทธิของเขาในการประท้วงในสิ่งที่เขาไม่เห็นด้วย แต่หากเกิดขึ้นหลายครั้งคนจะรู้สึกว่าเป็นความจงใจที่จะไม่ให้ทำงาน

เมื่อถามว่า การทำงานสภาจะขับเคลื่อนได้หรือไม่หากอนาคตฝ่ายค้านจะใช้ข้อนี้ในการขอนับคะแนนใหม่บ้าง นายชวน กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่ตนเตือนมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะตนรู้ว่าเสียงของรัฐบาล และฝ่ายค้านชุดนี้ต่างกันไม่เกิน 25 เสียง เมื่อมีการนับองค์ประชุมใหม่แล้วฝ่ายหนึ่งจะแก้แค้นก็สามารถเสนอได้ แต่หากทำโดยไม่มีเหตุผล ประชาชนนี่แหละจะเป็นฝ่ายที่จับตาดูว่าพฤติกรรมของสมาชิกเจตนาเพื่ออะไร สุดท้ายแล้วประชาชนเป็นคนจับตาดู เพราะคนติดตามเรื่องการเมืองมากขึ้น เนื่องจากมีผลต่อเขาโดยตรง อีกทั้งหากสมาชิกไม่มาประชุม หรือไม่เข้าห้องประชุมก็จะมีปัญหาตามมากับสมาชิกเหล่านั้น วันหนึ่งถ้ารัฐบาลขอนับใหม่ได้ ฝ่ายค้านก็สามารถขอนับใหม่ได้ เมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าวหากสภาล่มอาจถึงขั้นยุบสภา นายชวน กล่าวว่า “อันนี้อย่าไปพูดถึงเลยครับ เพราะอำนาจการยุบสภาไม่ได้อยู่ที่คนขู่”

เมื่อถามต่อว่า มีการทักท้วงถึงการทำหน้าที่ของประธานสภา นายชวน กล่าวว่า ความจริงก็ตั้งแต่วันนั้นแล้ว ตอนที่นับองค์ประชุม ตนเป็นคนแรกที่ถามว่า ขอถามย้ำอีกครั้งว่า ยืนยันที่จะให้นับองค์ประชุมใหม่หรือไม่ เพราะจะมีผล แต่ทางรัฐบาลยืนยัน ก็ต้องมาดูว่าวิธีการเป็นอย่างไร ซึ่งตามข้อบังคับได้กำหนดไว้เพียงอย่างเดียวคือ หากมีการนับใหม่จะต้องใช้ข้อบังคับข้อที่ 85 คือต้องใช้ 83(2) นั่นคือต้องขานชื่อ ตามวิธีการที่ประธานกำหนด แต่จะทำให้เสียเวลา โดยวันนั้นก็มีคนประท้วงว่าตนทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง แต่ในที่สุด คนที่ประท้วงตนก็ได้ส่งคนมาขอโทษ ทั้งนี้ จะตีความเข้าข้างฝ่ายใดไม่ได้ เพราะถ้าทำผิด ประธานต้องรับผิดชอบ