"ซูเปอร์โพล"เผยฐานสนับสนุนรัฐบาล"ประยุทธ์"ในเดือน พ.ย.กระเตื้องขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 25.6 จาก"ชิมช้อปใช้"และมาตรการเพิ่มรายได้ลดรายจ่าย ส่วนผู้ไม่สนับสนุนลดลงเหลือร้อยละ 25.4 ขณะกลุ่มพลังเงียบยังเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดร้อยละ 49.0
วันนี้(30 พ.ย.) นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง แนวโน้มจุดยืนการเมืองประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,098 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20-30 พฤศจิกายน 2562 พบว่า แนวโน้มฐานสนับสนุนของประชาชนต่อรัฐบาลเริ่มสูงขึ้น หลังจากตกต่ำลงตั้งแต่ช่วงหลังเลือกตั้งเป็นต้นมา คือ ร้อยละ 23.3 ในเดือนเมษายน ร้อยละ 10.1 ในเดือนกรกฎาคม ร้อยละ 17.1 ในเดือนกันยายน ร้อยละ 14.1 ในเดือนตุลาคม และขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 25.6 ในเดือนพฤศจิกายน โดยสาเหตุหลักมาจากมาตรการชิม ช้อป ใช้ และมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลในการลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ของประชาชน
ที่น่าพิจารณา คือ จำนวนของผู้ไม่สนับสนุนรัฐบาลลดลง จากร้อยละ 42.2 ในเดือนตุลาคม มาอยู่ที่ร้อยละ 25.4 ในการสำรวจล่าสุดเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม กลุ่มพลังเงียบยังคงเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในทุกช่วงเวลาของการวัด คือ ร้อยละ 56.1 ในเดือนเมษายน ร้อยละ 55.5 ในเดือนกรกฎาคม ร้อยละ 46.0 ในเดือนกันยายน ร้อยละ 43.7 ในเดือนตุลาคม และเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 49.0 ในเดือนพฤศจิกายน
เมื่อจำแนกออกตามกลุ่มช่วงอายุ หรือ Generation ต่าง ๆ พบว่า กลุ่มคนสูงอายุ หรือ Gen Baby Boom+ เป็นกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลมากที่สุด คือ ร้อยละ 28.6 ขณะที่กลุ่ม Gen Z ยังเป็นกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลน้อยสุด คือ ร้อยละ 17.9 อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจคือ กลุ่ม Gen Y ที่สนับสนุนรัฐบาลมีสัดส่วนสูงกว่ากลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาลคือ ร้อยละ 26.8 ต่อร้อยละ 22.6 ในขณะที่ กลุ่ม Gen X กลับมีกลุ่มคนที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลมากกว่า คือ ร้อยละ 28.0 ต่อร้อยละ 23.9
นอกจากนี้ เป็นที่น่าพิจารณา กลุ่มคนรายได้น้อย คือ รายได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน มีฐานสนับสนุนรัฐบาลมากกว่ากลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาลคือ ร้อยละ 28.3 ต่อร้อยละ 25.8 และกลุ่มคนเริ่มทำงานใหม่อัตราเงินเดือนช่วง 10,001-15,000 บาท ร้อยละ 36.1 ที่สนับสนุนรัฐบาลมากกว่ากลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาลที่มีอยู่ร้อยละ 27.2 และเป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มคนรายได้สูงตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไปมีสัดส่วนของคนที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลมากกว่ากลุ่มสนับสนุน คือ ร้อยละ 31.1 ต่อร้อยละ 14.8
ส่วนกลุ่มคนต่างจังหวัดเริ่มสนับสนุนรัฐบาลมากกว่ากลุ่มคนกรุงเทพฯ คือ ร้อยละ 29.1 ต่อร้อยละ 22.0 ในขณะที่กลุ่มคนกรุงเทพฯ ร้อยละ 28.3 ไม่สนับสนุนรัฐบาลมีสัดส่วนมากกว่าคนต่างจังหวัดที่มีอยู่ร้อยละ 22.4