ป.ป.ท. ตั้ง คณะทำงานสุ่มจับทุจริต "อาหารกลางวันเด็ก" โรงเรียนสังกัด อปท./สพฐ.ทั่วประเทศปีงบ63 จัดทีมสแกนพื้นที่ซ้ำตลอดปี ไม่ต่ำกว่า 200 โรงเรียน เริ่ม พ.ย.นี้ จ่อสแกนซ้ำพื้นที่เดิม ปีละ 2 รอบ ช่วง ก.พ.-มิ.ย. ทั้งเทอมการศึกษา 1-2 พร้อมถกผู้เกี่ยวข้องในโรงเรียน กำหนดนโยบายบริหารความเสี่ยงป้องทุจริต
วันนี้( 22 พ.ย.) มีรายงาน เปิดเผยว่า คณะทำงานตรวจสอบโครงการอาหารกลางวัน ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) เตรียมสุ่มลงพื้นที่ ตามแผนการดำเนินงานโครงการอาหารกลางวัน ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ และขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กระทรวงมหาดไทย ในรอบแรก ระหว่างเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม นี้ โดยกำหนดลงพื้นที่ไม่น้อยกว่า 55 โรงเรียน
นอกจากนี้ ในช่วงเดือนมกราคม ปีหน้า ป.ป.ท. เตรียมจัดประชุมหารือ กำหนดแนวทาง แนวนโยบายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น สพฐ. อปท. ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์ดำเนินการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยง
"ตามแผนบริหารความเสี่ยง ที่ สพฐ.และ อปท. จะส่งให้แก่สำนักงาน ป.ป.ท. รวมถึงให้แจ้งผลการหารือ กำหนดแนวทางให้โรงเรียนในสังกัด สพฐ.และ อปท. ให้รับทราบและถือปฏิบัติ จากนั้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้าจะสรุปแผนทั้งหมด"
นอกจากนี้คณะทำงานชุดดังกล่าว จะลงสแกนพื้นที่ซ้ำในจุดเดิมและเพิ่มเติม ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2563 โดยเฉพาะโรงเรียนในสังกัด สพฐ. ทั่วประเทศ อีกไม่น้อยกว่า 55 โรงเรียน เช่นเดียวกันในช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน 2563
ทีมงานชุดเดิม จะสุ่มลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนในสังกัด สพฐ. ทั่วประเทศ (เพิ่มเติม) อีกไม่น้อยกว่า 55โรงเรียน รอบที่ 2และตรวจซ้ำในอนาคต
เมื่อต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ป.ป.ท. จัดประชุมหารือเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีปฏิบัติในการดำเนินการจัดสรรเงินงบประมาณโครงการอาหารกลางวัน โรงเรียนในสังกัด สพฐ. ร่วมกับ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เทศบาลนครนนทบุรี เทศบาลเมืองนครปฐม และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.) กระทรวงมหาดไทย โดยสรุปจัดตั้งคณะทำงานประสานความร่วมมือในการ ดำเนินการเฝ้าระวังและป้องกันการทุจริตโครงการอาหารกลางวัน และประสานความร่วมมือในการลงพื้นที่ เพื่อดำเนินการตรวจเยี่ยมโรงเรียนในสังกัด ในปีการศึกษา 2562/2 นี้
โยตลอดปีที่ผ่านมา ป.ป.ท. จัดทีมลงพื้นที่สุ่มตรวจอาหารกลางวันเด็ก หลายแห่งโดยเฉพาะโรงเรียนที่มีข้อมูว่าอาจมีการทุจริต เบื้องต้นพบว่าคุณภาพและปริมาณอาหารอยู่ในระดับดีพอสมควร และต้องมีการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังในวันที่เกิดปัญหาเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริง
"โดยเฉพาะ เคสการเงินหักเงินเข้าส่วนตัว มีการตรวจสอบบัญชีการจัดซื้อวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารในแต่ละวัน และระบบบัญชีที่เกี่ยวข้องกับโครงการอาหารกลางวันทั้งหมดว่ามีความผิดปกติในขั้นตอนไหนหรือมีการทุจริตหรือไม่อย่างไร หากตรวจสอบพบว่ามีมูลทุจริตจริงจะรวบรวมข้อมูลส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการเอาผิดผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป"
