นายกฯ เป็นประธานงานรับรองเนื่องในวันกองทัพเรือ ประจำปี 62 ระบุกองทัพเรือเป็นกำลังสำคัญของชาติ ขอให้รักษาเกียรติภูมิราชนาวีไทย พัฒนาต่อยอดการปฏิบัติหน้าที่ เป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่น ภูมิใจ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้ภารกิจของกองทัพเรือสำเร็จลุล่วง
วันนี้ (20 พ.ย. 62) เวลา 19.00 น. ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เป็นประธานในงานรับรองเนื่องในวันกองทัพเรือ ประจำปี 2562 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ ข้าราชการทหารกองทัพเรือระดับชั้นนาวาเอกขึ้นไป ผู้ช่วยทูตทหาร รัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเรือ เข้าร่วมงาน ซึ่ง พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือและภริยา ให้การต้อนรับ
เมื่อนายกรัฐมนตรีและภริยาเดินทางถึงหอประชุมกองทัพเรือ เข้าสู่ห้องเจ้าพระยา พล.ร.อ.ประเจตน์ ศิริเดช อดีตผู้บัญชาการทหารเรืออาวุโส กล่าวเชิญชวนดื่มถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้บัญชาการทหารเรือกล่าวต้อนรับ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวสุนทรพจน์และดื่มอวยพรเนื่องในวันกองทัพเรือ ประจำปี 2562 ความว่า “ผู้บัญชาการทหารเรือ เพื่อนข้าราชการกองทัพเรือ และผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมมีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในงานรับรองวันกองทัพเรือ ที่เวียนมาบรรจบครบรอบอีกวาระหนึ่งในค่ำคืนนี้ และนับเป็นโอกาสอันดีที่ผมจะได้ร่วมรำลึกถึงคุณูปการต่างๆ ของบรรพบุรุษทหารเรือ ไปพร้อมๆ กับเพื่อนข้าราชการกองทัพเรือทุกท่าน
กองทัพเรือ เป็นกำลังสำคัญของชาติมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวีรกรรมของบรรพบุรุษทหารเรือที่เมื่อต้องรบ ก็ทำการรบได้อย่างกล้าหาญ และเมื่อต้องช่วยเหลือประชาชนก็เป็นสุภาพบุรุษจนเป็นที่ไว้วางใจและเป็นที่รักของประชาชนเสมอมา อย่างไรก็ดี สภาวะแวดล้อมทั้งระดับโลกและภูมิภาคได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นภารกิจของกองทัพเรือในปัจจุบันจึงมิใช่เพียงปกป้องอธิปไตยของชาติเท่านั้น แต่ต้องทำทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคงของประเทศ และมีบทบาทในการคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่นับวันจะมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศมากยิ่งขึ้น รวมถึงการช่วยเหลือบรรเทาภัยพิบัติทั้งที่เกิดโดยธรรมชาติและเกิดจากน้ำมือมนุษย์ และในปีมหามงคลนี้กองทัพเรือยังมีภารกิจสำคัญในการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ซึ่งเป็นพระราชพิธีที่มีความสำคัญของประเทศ
สำหรับก้าวต่อไปของกองทัพเรือ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะร่วมแรงร่วมใจกันรักษาเกียรติภูมิของราชนาวีไทย และพัฒนาต่อยอดการปฏิบัติหน้าที่พร้อมทั้งประสานสอดคล้องการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นเพื่อส่งมอบคุณค่าให้แก่ประชาชนและสังคม เป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภูมิใจ ตามที่ท่านผู้บัญชาการทหารเรือได้มอบนโยบายไว้ โดยรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจต่างๆ ของกองทัพเรือ สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีดังเช่นที่เคยปฏิบัติมา
ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล ตลอดจนดวงพระวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ อีกทั้งเดชะพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้โปรดดลบันดาลประทานพรให้ข้าราชการกองทัพเรือทุกท่าน พร้อมทั้งครอบครัว ประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีกำลังกาย กำลังใจ และกำลังสติปัญญาที่เข้มแข็ง เพื่อเป็นกำลังสำคัญของประเทศในการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบไป ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ ผมขอเชิญชวนท่านผู้มีเกียรติทุกท่านร่วมดื่มอวยพรแก่กองทัพเรือให้มีความเจริญรุ่งเรือง และดำรงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป”
จากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือมอบของที่ระลึก (เรือสุพรรณหงส์จำลอง) แด่นายกรัฐมนตรี แล้วนายกรัฐมนตรีร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกจำนวน 2 ชุด กับ 1. ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ 2. รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีชมสารคดีกองทัพเรือ ชมการแสดงและดนตรี เสร็จภารกิจ นายกรัฐมนตรีและภริยาเดินทางกลับ