โฆษกรัฐบาล เผย สธ.รายงานครม.เกษตรกรเจ็บป่วยจาก 3 สารพิษ 10,000 รายต่อปี ช่วงก.ย.ของทุกปีจากการฉีดพ่นพาราควอต เห็นควรยุติใช้ทันที
วันนี้ (19พ.ย.) เวลา 14.00น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.รับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนรวมตลอดทั้งการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน [กรณีกรมวิชาการเกษตรดำเนินการต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย พาราควอต ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่รอผลการพิจารณาของคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่อาจจะประกาศห้ามใช้] ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบ
นางนฤมล กล่าวต่อว่า โดยมีสัดส่วนของเกษตรกรที่มีความเสี่ยงจะเจ็บป่วยจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชยังมีแนวโน้มสูงขึ้นและสถานการณ์เจ็บป่วยจากพิษสารกำจัดศัตรูพืชที่รายงานสถานการณ์โรค จากหน่วยบริการทั่วประเทศ ในช่วงปี 2558 – 2562 พบว่า มีอุบัติการณ์ระหว่าง 8.9 – 17.12 รายต่อประชากรแสนราย หรือ ประชาชน 10,000 รายต่อปี ซึ่งเมื่อทำการวิเคราะห์ประวัติการเจ็บป่วยโดยละเอียดพบว่า ในช่วงเดือนก.ย.ของทุกปีมักจะเจ็บป่วยจากการฉีดพ่นพาราควอต และจากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า มีการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเวลาที่มีการฉีดพ่นยาฆ่าหญ้าในไร่อ้อยหรือในนาข้าว แสดงให้เห็นว่าการใช้ยาฆ่าหญ้าทางการเกษตรมีผลต่อการเจ็บป่วยของประชาชน ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขเห็นว่า การใช้วัตถุอันตรายทั้ง 3 ชนิด ก่อให้เกิดโรคจากสิ่งแวดล้อมตามพ.ร.บ.ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 จึงมีความจำเป็นที่จะต้องป้องกัน และควบคุมโรคจากสิ่งแวดล้อมแก่ประชาชนที่ได้รับหรืออาจได้รับมลพิษ จึงเห็นควรยุติการใช้สารเคมีทางการเกษตรทั้ง 3 ชนิดทันที