ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ตกลงจะให้ ปตท. คัดเลือกกันโดยอิสระโปร่งใส รึจะเอาแบบไทยๆ ที่เข้าทางหลังทำเนียบฯ!
ว่ากันว่า การก้าวสู่วงจรอำนาจในการกำกับดูแล ปตท. องค์กรที่มีมูลค่าล้านล้านนั้น ย่อมต้องมีทั้ง "บารมี" และ "ผู้สนับสนุน" เป็นเงาทะมึนยืน เป็นแบ็กหนุนให้
ชั่วโมงนี้ถามกันให้แซ่ดว่า แบ็กที่ผลักดัน "ไพรินทร์ ชูโชติถาวร" ในการคัมแบ็กกลับมาถิ่นเก่าปตท. เอ่ยถึงนั้นไซร้ คือใคร ?
ใครกัน? ที่ให้การสนับสนุนไพรินทร์ ที่อุปมาเหมือน "ตัวมาเอง" ใส่เกียร์ 5เดินหน้าเต็มตัว เปิดวอร์ "เกมชิงอำนาจ" ในปตท. รวบหางเข้าเป็นกรรมการเสร็จ ก็จะติดสปริงรวบหัวขึ้นเป็น "ประธานบอร์ด" เพื่อคุมการสรรหา "ซีอีโอ "คนใหม่ แบบไม่หวั่นเกรงใคร...
รู้กันว่า ตอนนี้ ปตท. กำลังอยู่ระหว่างการสรรหา CEO คนใหม่แทน "ชาญศิลป์ ตรีนุชกร" ที่กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่งครบวาระ ในเดือนพ.ค. ปีหน้า
การสรรหาครั้งนี้ต่างกับคราวที่แล้วๆมา มีคำถามระหว่างทางมากมาย ทั้งในเรื่องความโปร่งใส การวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อยึดอำนาจ ... ขณะที่อีกฝ่ายต้องการให้ปตท. เป็นองค์กรที่หลุดพ้นจากวงจรพวกนี้เสียที ภายในจึงปั่นป่วนเหมือนคลื่นใต้น้ำกำลังปั่นป่วนอย่างหนักรอวัน "แตกหัก"
ก้าวแรกในการคืนสู่อำนาจในปตท."ไพรินทร์" ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการแทนกรรมการคนเก่าที่ครบวาระ และกำลังรอจะถูกเสนอชื่อเป็นประธานบอร์ดแทน "ไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย" โดยไม่ต้องรอไปปีหน้าตามวาระ
ทีนี้มาว่ากันถึง การเอ่ยถึงผู้สนับสนุน"ไพรินทร์" ต่อ... เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปช่วงที่ไพรินทร์ถูกทาบทามให้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สมัยรัฐบาล คสช. เข้ามาอย่างไร และ ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังปกป้องดูแลระหว่างอยู่ในตำแหน่ง รมช.คมนาคม
ว่ากันว่า... คนคนนี้ก็คือ "ผู้ใหญ่แถวๆ หลังทำเนียบฯ" !!
ซูเปอร์คอนเนกชั่นแบบนี้ ใครฟังก็หนาว !
แว่วว่า คนหลังทำเนียบฯ เป็น"ผู้ใหญ่" ที่ชื่นชอบฝีมือการทำงานของไพรินทร์ เพราะความเป็นนักคิด นักการศึกษา วิสัยทัศน์ด้านการศึกษาเหมือนกัน
"ไพรินทร์" สมัยที่นั่งเป็น CEO ปตท. ต่อจาก "ประเสริฐ บุญสัมพันธ์" ในปี 2554 ก็เป็นผู้ผลักดันให้ ปตท. ทำเรื่องการศึกษา จนกลายเป็น รร.กำเนิดวิทย์ และสถาบันวิทยสิริเมธีหรือ VISTEC
และต้องไม่ลืมว่า ..ก่อนที่ไพรินทร์ จะได้เป็นรมช.คมนาคม ที่ตอนนั้นก็ว่ากันผิดกระทรวง ... จุดเริ่มเข้าสู่วงการการเมืองของเขาก็คือ การได้เข้ามามีตำแหน่งเป็นกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา ในปี 2560 ในช่วงรัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปีเดียวกันนั้นเลย
มาถึงตรงนี้ ไม่น่าแปลกใจว่า "ผู้ใหญ่" ที่พูดคุยกันในวงสนทนาที่ "ไพรินทร์" เอ่ยถึง "ผู้ใหญ่กว่า" ไฟเขียวในกรณีรีเทิร์นกลับมาที่ปตท. จะหมายถึงใคร เป็นใครไปไม่ได้ นอกจากหลังผู้ใหญ่แถวๆ หลังคนนี้นี่เอง.
หลายๆ ครั้ง เรื่องบางเรื่อง ในช่วงที่ไพรินทร์ นั่งรมช.คมนาคม ก็เคยมีการเอ่ยอ้างทำนองนี้ หรือ กระทั่งวันนี้ ในกลุ่มที่เป็นรัฐมนตรี "ลูกรัก" ของ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มักจะเอ่ยอ้างถึงเช่นกัน
โดยที่ผู้ใหญ่แถวๆ หลังทำเนียบฯ จะรู้เห็นเป็นใจไฟเขียวมาจริงหรือไม่ อย่างไร จริงเท็จประการใด ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ยังลอยมาตามสายลมเท่านั้น.
ที่แน่ๆ ณ ตอนนี้ ผู้ใหญ่แถวๆหลังทำเนียบฯ กำลังถูกม้วนเข้ามาเกี่ยวพันกับการศึกชิงอำนาจใน ปตท.ไปแล้ว
คำถามก็คือว่า ถ้าเอาระบบไทยๆ แบบนี้ ชาติบ้านเมืองคงไม่ไปถึงไหน "ลุง" ควรที่จะให้อำนาจคนที่รับผิดชอบโดยตรงอย่างเต็มที่มากกว่าจะมาเกรงใจใคร .
** จับตา "ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร" คน "ใจถึงพึ่งได้ เจ้านายรัก"... ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่า"บิลลี่" จะถูก "รัฐมนตรีวราวุธ" สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน หรือไม่ และศาลจะถอนประกัน ตามที่ดีเอสไอ ยื่นคำร้องหรือไม่ 25 พ.ย.นี้รู้กัน!!
อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน "ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร" ชื่อนี้ไม่ธรรมดา จัดอยู่ในประเภท "ใจถึงพึ่งได้ เจ้านายรัก"...
แม้จะตกเป็นผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิต ของ"บิลลี่" พอละจี รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ถูก"ดีเอสไอ"ขออนุมัติศาลออกหมายจับ... เมื่อเข้ามอบตัวสู้คดี แม้จะถูกคัดค้านการประกันตัว แต่ก็ได้รับการประกันตัวในวงเงิน 8 แสนบาท...
จากนั้นต้นสังกัดคือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ก็มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขออนุมัติให้มีคำสั่งย้าย "ชัยวัฒน์" จากตำแหน่ง ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) หลุดจากกรมฯ ไปดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดปัตตานี ขึ้นตรงกับสำนักงานปลัดฯ ...โดยอ้างว่าป้องกันการยุ่งเหยิงพยาน แทนที่จะเป็นการสั่ง "แขวน" หรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน...
ประเด็นเหล่านี้ กำลังตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากทั้งในสังคมทั่วไป และ สังคมโซเชียลฯ ว่าเป็นคน "เส้นแข็ง" !!
มาย้อนดูปูมประวัติกันหน่อย... "ชัยวัฒน์" หรือ"อี่" เป็นเด็กบ้านหนองจอก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี "เมืองคนดุ" เข้ามาเรียนระดับ ปริญญาตรี ที่คณะวนศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ซึ่งในยุคนั้นถือว่าคณะนี้ ขึ้นชื่อในเรื่องระบบพี่-น้อง หรือ "โซตัส" ที่เข้มข้นเป็นลำดับต้นๆ ของมหาวิทยาลัย เพราะจบออกไปแล้วต้องไปอยู่ป่า คุมลูกน้อง ลูกจ้าง จึงต้องมีภาวะความเป็นผู้นำสูง ...ดังนั้นแม้ "อี่" จะเป็นคนร่างเล็ก หน้าขาว แต่เรื่องความ "เด็ดขาด" จัดอยู่ในระดับคนดังของรุ่น...
หลังจบวนศาสตร์ ก็กลับไปเริ่มชีวิตราชการที่ จ.เพชรบุรี เป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเรียนปริญญาโท ด้านการบริหารทรัพยากรป่าไม้ไปด้วย จากนั้นก็เติบโตในสายงาน... ได้ดูแลรับผิดชอบพื้นที่วนอุทยานในจังหวัด รวมทั้งเป็นหัวหน้า วนอุทยานชะอำ
กระทั่งปลายปี 2551 ซึ่งขณะนั้น "ชัยวัฒน์" มีอายุ 44 ปี ก็ได้รับมอบหมายให้ไปเป็น หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งเป็นที่รับรู้กันในหมู่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ว่าเป็นพื้นที่ทำงานที่ท้าทายมากที่สุดพื้นที่หนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยขนาดที่กว้างใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และสภาพปัญหาที่มีความซับซ้อน เนื่องจากมีแนวเขตแดนที่ติดกับประเทศพม่า และมีชุมชน ชนเผ่า ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าอยู่หลายแห่ง
ช่วงที่รับตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนี้ "ชัยวัฒน์" เริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น... ที่โด่งดังมาก เป็นข่าวใหญ่ ก็เมื่อปี 2554 จากกรณีนำกำลังเข้ารื้อทำลาย เผาบ้านเรือน และทรัพย์สินของชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย กว่า 20 ครอบครัว โดยให้เหตุผลว่าต้องการผลักดันให้ชุมชนนี้ออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อป้องกันการบุกรุก ทำลายป่า
จากนั้นก็เป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อเขานำเจ้าหน้าที่บุกป่าฝ่าดง เข้าไปช่วยกู้เฮลิคอปเตอร์ และผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จนถูกขนานนามว่า "วีรบุรุษแก่งกระจาน" และได้เข้ารับมอบประกาศนียบัตร ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี 2554 จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
อีกไม่กี่เดือนถัดมา "ชัยวัฒน์" ได้ตกเป็นจำเลยร่วมในคดีจ้างวานฆ่า นายทัศน์กมล โอบอ้อม หรือ "อาจารย์ป๊อด" อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นแกนนำในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับกลุ่มกะเหรี่ยงบางกลอยที่ถูกเผาไล่ที่ ก่อนที่ศาลจะยกฟ้อง...
แต่เหตุการณ์เผาไล่ที่กะเหรี่ยงบางกลอยในครั้งนี้ ก็ยังคงเป็นคดีความ จนกระทั่งผูกโยงมาถึงการหายตัวไปของ "บิลลี่" ในเดือนเม.ย.57 หลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ควบคุมตัวในข้อหามีน้ำผึ้งป่าในครอบครอง ... และถึงวันนี้ "ชัยวัฒน์" ต้องตกเป็นผู้ต้องหา ที่ "ดีเอสไอ" แจ้ง 8 ข้อหาหนัก ในจำนวนนั้นมี ข้อหา "ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"...
ในขณะที่ชีวิตราชการของ ”ชัยวัฒน์” ก้าวหน้าไปเป็นลำดับนั้น... สายสัมพันธ์ในทางการเมืองก็ "แน่นปึ้ก" ตามไปด้วย เพราะเขามีพี่ชาย คือ "สุรสีห์ ลิ้มลิขิตอักษร" นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองจอก 3 สมัย เพิ่งจะมาเสียแชมป์เมื่อปี 2556 นี่เอง โดยเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่อยู่ใต้ชายคาของ "บ้านใหญ" ตระกูล "อังกินันทน์" ตระกูลการเมืองในตำนานของเมืองเพชรฯ ทำหน้าที่เป็นหัวคะแนนคนสำคัญในยามที่ "แป๋ง-ปิยะ อังกินันทน์ และ เปี๊ยก-ยุทธ อังกินันทน์" ลงสมัครรับเลือกตั้ง
และในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อ 24 มี.ค.62 ที่ผ่านมานี้ "ยุทธพล อังกินันทน์" ลูกชายของ ยุทธ อังกินันทน์ ลงสมัคร ส.ส. สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา "ยุทธ " ได้รับการวางตัวให้เป็นแม่ทัพใน จ.เพชรบุรี ... แน่นอนว่าตระกูล "ลิ้มลิขิตอักษร" ยอมทุ่มเทเต็มที่ ในฐานะหัวคะแนนคนสำคัญ
ถึงวันนี้ พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ร่วมรัฐบาล และ "วราวุธ ศิลปอาชา" แกนนำคนสำคัญของพรรคได้นั่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เป็นกระทรวงต้นสังกัด... เมื่อ "ชัยวัฒน์" ต้องมาเผชิญวิบากกรรมเช่นนี้ เชื่อว่าทางพรรคชาติไทยพัฒนาคงไม่ปล่อยวางแบบ "ไม่ดูดำ ดูดี"...
นอกจากนี้ สายสัมพันธ์ของ "ชัยวัฒน์" กับ "ระดับบิ๊กในรัฐบาล" ก็เป็นที่รับรู้ว่า ยังสามารถเชื่อมโยงถึงกัน ... ดูได้จากในวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่ศาลอนุมัติหมายจับ และทางดีเอสไอ ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ ที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นสถานที่ทำงาน เพื่อติดตามจับกุมตัว แต่ไม่พบ "ชัยวัฒน์" จนมีกระแสข่าวออกมาว่าเขาได้หลบหนีไปแล้ว...แต่เวลาต่อมาในวันเดียวกันนั้นเอง ก็ปรากฏว่า "ชัยวัฒน์" ได้ไปยืนเข้าแถวร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยาน รอให้การต้อนรับ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งไปตรวจเยี่ยมอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมบอกว่า... ความจริงแค่ออกหมายเรียกก็พอ เพราะตัวเขามีที่ทำงานเป็นหลักแหล่ง แต่เมื่อออกหมายจับมาแล้ว ก็ยินดีไปให้ความร่วมมือตามกระบวนการยุติธรรม ไม่หนีไปไหน... และวันรุ่งขึ้น เขาก็ไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ และได้ประกันตัวออกมาดังกล่าว
เพียงไม่ถึง 10 วัน ที่เขาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ก็ปรากฏว่าเมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) ทาง ดีเอสไอ ได้ไปยื่นเรื่องต่อศาลขอให้พิจารณาถอนประกันตัว "ชัยวัฒน์" โดยระบุว่า มีการไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานคดี ในชั้นสอบสวน และยังให้ข้อมูลผ่านสื่อมวลชนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี และพื้นที่เขื่อนแก่งกระจาน โดยศาลนัดฟังคำสั่ง ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ว่าจะอนุญาตให้เพิกถอนการประกันตัว หรือ เพิ่มเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่อย่างไร
นอกจากนี้ ยังมีองค์กรเครือข่ายภาคประชาชน 6 แห่ง เข้ายื่นหนังสือขอให้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งพักราชการ"ชัยวัฒน์" หรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อไม่เป็นอุปสรรคต่อการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้
หลังจากนี้คงต้องให้จับตาว่า "รัฐมนตรีวราวุธ ศิลปอาชา " จะสั่งการอย่างใด ...และศาล จะเพิกถอนประกันหรือไม่