ส.ส.เมืองคอน ปชป.แนะ กมธ.แก้ รธน.ไม่ควรมีสัดส่วน ครม. หากมีต้องกระจายโควตาให้พรรคร่วม ส่วน ส.ว.ไม่ควรร่วมเพราะมีส่วนได้เสีย หวั่นทำตัวจระเข้ขวางคลอง
วันนี้ (18 พ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหา และแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า การที่วิปทั้ง 2 ฝ่ายกำหนดให้คณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ มีจำนวน 49 คน แบ่งเป็นสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล 18 คน พรรคร่วมฝ่ายค้าน 19 คน และสัดส่วน ครม.12 คนนั้น จากกระแสข่าวที่ระบุว่าจะมีการจัดสรรโควตากรรมาธิการสัดส่วน ครม.ให้กับ ส.ว.เข้ามาร่วมด้วยนั้น ส่วนตัวเห็นว่าการเสนอญัตติด่วนเรื่องการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติมาตั้งแต่เริ่มต้น และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ยังออกมายืนยันว่าเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร รัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น เมื่อสภามีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ขึ้นมาก็ควรพิจารณาในประเด็นต่อไปนี้ด้วย
1. คณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ ไม่ควรมีสัดส่วนของ ครม.
2. ถ้ามีสัดส่วนของ ครม.ก็ควรจะแบ่งปัน หรือกระจายโควตาให้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคทั้งหมด
3. ถ้าจะแบ่ง กมธ.สัดส่วนของ ครม.12 คน ให้แก่บุคคลใน ครม.6 คน และบุคคลภายนอก 6 คน ก็ไม่ควรนำ ส.ว.หรือบุคคลที่เคยเป็น กรธ.มาร่วมด้วย
นายเทพไทกล่าวว่า ตนเห็นว่าการเปิดโอกาสให้ ส.ว.หรือ กรธ.เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้จะก่อให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการทำงานของ กมธ.ชุดนี้อย่างแน่นอน เพราะกลุ่มคนทั้ง 2 ส่วนนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือมีส่วนได้เสียกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างชัดเจนมาก หากจะนำคนที่มีจุดยืนต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญแบบสุดขั้วมาร่วมใน กมธ.ชุดนี้ ก็ไม่ต่างอะไรจากเอาจระเข้มาขวางคลอง
“จึงขอเสนอว่า ถ้าอยากจะให้ ส.ว.มีส่วนร่วม หรือต้องการรับฟังความเห็นจาก ส.ว.ด้วย ก็ควรจะใช้วิธีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมของรัฐสภา หรือ ให้ ส.ว.ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญในส่วนของวุฒิสภาขึ้นมาต่างหากอีกชุดหนึ่ง เพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญคู่ขนานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎร น่าจะเหมาะสมที่สุด”