มือกฎหมายรัฐบาล ระบุ กมธ.แก้ รธน.ไม่มี รมต.ร่วมนั่ง เหตุไม่มีเวลา โยน กมธ.เลือกประธานกันเอง รบ.ไม่ให้ความเห็น ปัดเป็นที่ปรึกษา ชี้ ปธ.ไม่ต้องเอาถึงขั้นเก่ง แค่มนุษยสัมพันธ์ดี มีบารมี พอร่างถึงใช้คนเก่ง ย้ำชุดนี้ไม่ได้ชี้เป็นชี้ตาย
วันนี้ (7 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าวิปรัฐบาลรายงานว่าคณะกรรมาธิการฯชุดดังกล่าวจะมีทั้งหมด 49 คน แบ่งเป็นสัดส่วนของพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล 18 คน พรรคร่วมฝ่ายค้าน 19 คน และคณะรัฐมนตรี (ครม.) 12 คน ซึ่งในส่วนของ ครม.จะใช้เพียงแค่ 6 คน ตอนแรกคิดว่าจะมี ครม.เข้าไปร่วมด้วยเพื่อแสดงถึงความร่วมมือ แต่ดูแล้วอาจไม่มีเวลา จึงจะไม่เอา ครม.เข้าไป โดยจะให้เป็นส่วนของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เข้าไปมีส่วนตรงนี้ เพราะถ้าไม่มี ส.ว.อาจสำเร็จยาก รวมถึงคนจากองค์กรอิสระและฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล แต่จะเป็นใครบ้างตนตอบไม่ถูก คงต้องให้ไปหากัน ส่วนที่เหลืออีก 6 คนจะคืนให้ทางวิปรัฐบาลไปจัดการ โดยจะต้องคุยกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลกับรัฐบาล ตรงนี้ได้คุยกับวิปรัฐบาลแล้ว
เมื่อถามถึงบุคคลจะมาเป็นประธานที่มีการพูดถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ นายวิษณุกล่าวว่า เห็นพูดกันมาหลายวันแล้ว แต่ ครม.ไม่มีความเห็นในส่วนนี้ เพราะกรรมาธิการฯ 49 คนจะต้องโหวตกันเอง รัฐบาลไม่ได้ไปโหวตด้วย ที่มีชื่อนายอภิสิทธิ์ก็ไม่มีใครขัดข้อง ส่วนที่มีชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา คนที่ 1 จะมาเป็นประธานกรรมาธิการด้วยนั้นตนไม่ทราบ
เมื่อถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่คนมาเป็นกรรมาธิการฯ ต้องเป็นคนจากพรรคแกนนำรัฐบาล นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น เป็นเรื่องที่ 49 คนไปโหวตกันเอง แต่เอาใจช่วยให้เริ่มต้นตั้งกรรมาธิการฯ ให้ได้เสียก่อน ส่วนรายชื่อจะออกมาเมื่อไหร่นั้นตนไม่ทราบ แต่จะมีก่อนญัตติเข้าสภา และหากเขาเสนอให้ตนไปเป็นที่ปรึกษาไม่ขอเป็น
เมื่อถามว่า มีคนมักวิจารณ์ว่าคนร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ร่าง เพราะประธานร่างรัฐธรรมนูญส่วนใหญ่ไม่ใช่นักการเมือง นายวิษณุกล่าวว่า หากหมายถึงประธานในการร่างเช่นนั้นอาจจะจริง แต่วันนี้ที่พูดกันอยู่ไม่ใช่การหาคนเพื่อไปร่าง เรากำลังหาคนมาเป็นกรรมาธิการฯ ไปศึกษาวิธีแก้รัฐธรรมนูญ ยังไม่มีการร่างเลยสักมาตรา ตรงนี้ไม่มีปัญหา แต่พอไปถึงตอนยกร่าง ตรงนั้นจะมีปัญหาว่าผมไม่ไว้ใจคุณ คุณไม่ไว้ใจผม เพราะมีส่วนได้เสีย ตรงนั้นจึงกลายเป็นคนนอกเสียเสมอไป
“ตรงที่บอกว่าประธานควรเป็นคนชนิดไหนต้องดูเป็นพิเศษ นั่นคือตอนร่าง แต่ขั้นตอนที่ศึกษากันนั้นไม่ต้องเอาถึงขั้นเก่ง เอาคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีในการพูดคุยกับกรรมาธิการฯ 49 คนในทิศทางเดียวกัน มีบารมีก็พอสำหรับการเป็นประธานกรรมาธิการฯ ทั้งหลาย แต่ถ้าถึงขั้นตอนร่างต้องการคนที่เก่งเรื่องเทคนิคเพราะต้องตัดสินบางเรื่องเหมือนที่ผ่านมาเอะอะต้องเป็นคุณมีชัย ฤชุพันธุ์ เพราะหากใครไปนั่งร่วมประชุมกับท่านจะรู้ว่า ถึงเวลาไม่รู้จะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ท่านจะบอกเลี้ยวซ้ายเกิดปัญหาอย่างไร เพราะเคยเกิดมาแล้ว ทุกคนก็ถอยกลับมาขวาหมด ถ้าร่างเราต้องการคนแบบนี้ แต่ตอนนี้ยังไม่ร่าง”
“ผมไม่ได้คิดว่ากรรมาธิการฯ นี้จะชี้เป็นชี้ตายอะไรมาก แต่จะเป็นการเปิดประตูให้มีการศึกษาว่าถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นไปได้ควรแก้โดยวิธีใด เช่นการตั้ง ส.ส.ร. หรือแก้เฉพาะมาตรา เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญด่านที่ 1 ต้องเสนอเป็นร่างเข้าไปในที่ประชุมรัฐสภา ด่านที่ 2 ต้องได้คะแนนเสียงจากที่ประชุมรัฐสภาซึ่งซับซ้อนกว่าเอา 700 มาหาร 2 และด่านที่ 3 แก้บางเรื่องต้องไปสู่การทำประชามติ ถ้าเรื่องที่ไม่วุ่นวายกับประชามติก็แก้ไปเลย แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะแก้เรื่องอะไร ถ้ากระทบเรื่องประชามติก็ต้องทำประชามติ รวมถึงควรจะลึกลงไปว่าประเด็นใดด้วย เพราะจะนำไปสู่การยอมรับ เช่น การเสนอรายงานความคืบหน้าการปฏิรูปเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ก็มี ส.ส.อภิปรายว่าปฏิรูปไม่ได้ในเรื่องนั้นเรื่องนี้หากยังไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญมาตรานั้นมาตรานี้ ดังนั้น เรื่องนี้มันใช้เวลาและยุ่งยากพอสมควร แต่ไม่พ้นวิสัยจนกระทั่งเป็นไปไม่ได้ กรรมาธิการฯ ชุดนี้จะเป็นวิศวกรออกแบบสิ่งเหล่านี้” นายวิษณุกล่าว