นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุมหอการค้ากระตุ้นท่องเที่ยว เร่งแก้ กม.ผู้ประกอบการล้าสมัยภายใน 1-2 เดือน เตือนโพสต์โซเชียลฯ ต้องมีจิตสำนึก พร้อมตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อย เชื่อมโยงรัฐดิจิทัล เผยแนวคิดจัดมหกรรมดนตรีโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยว
วันนี้ (14 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวไทยว่า วันนี้เป็นการหารือในด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยวก็ได้รับฟังจากภาคธุรกิจทุกส่วน ทางผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านค้าปลีก และในเรื่องของเมืองหลัก เมืองรอง รวมถึงการใช้ประโยชน์จากดิจิทัลเข้ามาบริหารงานตรงนี้ นอกจากนั้นยังมีเรื่องของกฎหมายต่างๆ วิธีการปฏิบัติที่อาจจะล้าสมัยในปัจจุบันก็จำเป็นต้องปรับแก้ในอนาคตต่อไป ซึ่งตนได้เร่งรัดทุกอย่าง จะต้องมีการแก้ไข รีบคิดรีบพิจารณาเป็นกลุ่มย่อยว่าจะแก้อะไรอย่างไร
โดยก่อนหน้านี้ได้มีการปรับแก้ไปหลายอย่างแล้วทางการประชาสัมพันธ์ในสิ่งที่ดีงามของประเทศที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก เพราะฉะนั้น การจะเขียนหรือโพสต์อะไรต่างๆ มันออกไปทั้งโลก ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี สิ่งที่เราทำได้คือระงับหรือห้าม แต่มันก็ต้องใช้กฎหมาย ซึ่งก็อยู่ที่จิตสำนึกที่ดีของพวกเรา ว่าควรจะเขียนอะไรหรือควรจะเผยแพร่อะไรในโซเชียลมีเดีย
นายกฯ กล่าวว่า การสร้างบ้านเมืองให้น่าอยู่น่าเที่ยว ข้อสำคัญคือทุกคนต้องรู้จักเผื่อแผ่แบ่งปัน ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ รายเล็ก จะช่วยเหลือกันอย่างไร หลายอย่างต้องขับเคลื่อนด้วยการประชุมขนาดใหญ่ อย่างที่สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม (MICE) ทำอยู่เช่นการจัดกีฬา การจัดดนตรี
“ผมก็คิดมานานแล้ว การจัดมหกรรมดนตรีจะทำได้ไหม เอานักดนตรีที่มีชื่อเสียงของโลก ซึ่งก็มีแนวทางถ้าจัดได้ในสถานที่สำคัญสวยงามของประเทศไทย ก็จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวที่ชอบฟังเพลงเหล่านี้มาได้ไหม เหมือนเทศกาลดนตรีถ้าเราไม่ทำแบบนี้ก็จะมีแต่ของเก่าๆ แต่ก็ต้องมีการลงทุน ทุกคนต้องร่วมไปด้วยกันทั้งหมด”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นอกจากนั้นก็ต้องระมัดระวังด้านความมั่นคง เพราะการท่องเที่ยวมีสัดส่วนเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ซึ่งประกอบกันหลายกลุ่ม บางกลุ่มก็ยังมีปัญหาอยู่ และมีผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น การประกอบการที่ถูกหรือผิดกฎหมาย นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นและต้องแก้ไขให้เขาไม่เช่นนั้นจะเดือดร้อนกันไปหมด แต่จะทำอย่างไรก็อยู่ที่กฎหมาย ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันทำ เพราะฉะนั้น ตนอยากให้เร่งแก้ปัญหาในวันนี้ ที่จะต้องแก้ไขให้ได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ ตามที่มีการร้องขอเข้ามา อะไรที่ทำได้ก็ทำคู่ขนานกันไปกับแนวทางในระยะยาวและจะมีการจัดทำแผนแม่บทด้านการท่องเที่ยว ซึ่งตนได้บอกไว้ว่าจะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีในช่วง 5 ปีแรก 2560 ถึง 2564 รวมถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับปัจจุบัน มันตรงกันหมด ถึงวันนี้ก็แก้ไขปัญหาได้เยอะพอสมควร แต่ไม่ได้ไปล็อกอะไร สามารถที่จะปรับได้หมด วันนี้คิดและทำอย่างนี้ วันหน้าสถานการณ์เปลี่ยนก็แก้ไขกันได้ ทุกอย่างไม่มีปัญหา ไม่ได้สืบทอดอำนาจใครทั้งสิ้นแต่เป็นอำนาจในการบริหารงานของส่วนราชการและภาคธุรกิจเอกชนที่ร่วมมือกัน
นายกฯ กล่าวว่า มาตรการต่างๆ ที่ออกมากระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน ถ้าเราไม่ปลดล็อกตรงนี้ ก็อาจจะไม่ดีขึ้นกว่าเดิมมากนัก ซึ่งเราต้องการมากกว่านี้ตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงมกราคมปีหน้า อย่างไรก็ตาม ผู้เกี่ยวข้องไม่ได้มีอะไรมากนัก มีบางอย่างที่ลด มีบางอย่างที่เพิ่ม ข้อสำคัญการแข่งขันมีมากในขณะนี้ เราก็ต้องปรับของเราให้ทันของเขา แต่หลายอย่างเราก็ทำไม่ได้เหมือนเขา ตรงนี้คือปัญหา เพราะอะไรก็เพราะความขัดแย้งหลายๆ อย่าง มัวแต่เสียเวลาเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่
ทั้งนี้ ก่อนเสร็จสิ้นการประชุม นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยด้านต่างๆ เพื่อเน้นการเชื่อมโยงเป็นรัฐบาลดิจิทัล รัฐบาลรับฟังปัญหาจากทุกฝ่าย มีหลายสิ่งที่คิดจะทำ แต่ติดขัด เพราะรัฐบาลต้องมีเอกชนช่วยสร้างสภาวะแวดล้อมที่ทำให้เดินไปได้ไม่ใช่เอาแต่ปัญหามาบอก มันต้องร่วมมือกัน ทั้งแผนระยะสั้น กลาง ยาว ทำให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ชาติสามารถปรับแก้ได้ เป็นการปรับให้สอดรับกับสถานการณ์ได้ตลอด
“ขอให้เราเข้าใจตรงกัน ดูแลประชาชนทุกระดับด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จะทำสิ่งใดก็ดี เราต้องเห็นตรงกันในมิติของความมั่นคงด้วย เราต้องร่วมกันทำให้ภาคประชาชน เอกชน ราชการเข้มแข็ง เพื่อเดินหน้าไปด้วยกันผมขอแค่นี้ ขอให้ร่วมมือกัน ผมช่วยท่าน ท่านช่วยรัฐบาล ช่วยกันดูแลประชาชน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว