อดีต ส.ส.พิษณุโลก ขออุบหลักฐานพรรคเก่า สมคบล้ม “ทักษิณ” อ้างรอเปิดในชั้นศาล พร้อมท้า “มาร์ค-ชวน” ประกาศชัดไม่หนุน “ประยุทธ์” แย้มบิ๊ก พท.ชวนเข้าพรรค บอกอุดมการณ์เดียวกัน ชี้ ไม่ควรมีระบบทหารเรียกปรับทัศนคติแล้ว เผยถูกค้นบ้าน กล่อมกลับพรรคเดิม
วันนี้ (29 ก.ค.) นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ออกมาเรียกร้องให้แสดงหลักฐานว่าใครร่วมกันล้มสองพี่น้องตระกูลชินวัตร ว่า ตนยืนยันทุกอย่างจริง จะเปิดก็ต้องไปเปิดที่ศาลเห็นเขาขู่จะฟ้อง พร้อมเปิดทุกอย่างในชั้นศาล ตนฝากไปถึงพี่น้องฝ่ายการเมือง พี่ๆ น้องๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตนเคารพรักเหมือนเดิม ว่า ปลายลูกธนูของตนต้องการพุ่งเป้าไปที่ใจกลางของระบอบเผด็จการ ไม่ต้องการมาเสียเวลาสาละวนโต้เถียงไปมา นี่ขนาดตนปิดช่องว่างเอาไว้ ไม่เปิดทั้งหมดเขาก็จะมาเล่นตน ด้วย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อีก ที่ถามว่า ทหารคนไหน ตุลาการคนไหน ใครบ้าง พวกเขารู้อยู่แก่ใจ ถ้าไม่อย่างนั้นจะนำไปสู่กระบวนการในการยึดอำนาจได้อย่างไร ตนถามกลับย้อนไปว่า ทำไมพรรคถึงบอยคอตการเลือกตั้ง หลักฐานถ้าอยากจะได้ ที่ขู่ร่ำๆ จะฟ้องก็ให้ฟ้องมา ตนจะขอหมายศาลออกหมายเรียกไปทุกกลุ่มทุกฝ่ายเอาประวัติศาสตร์การเมืองมากางกันบนโต๊ะเลยว่าใครทำอะไรต่างๆ ซึ่งมันปรากฏชัดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตนเคยถูกทหารเชิญไปปรับทัศนคติ 2 ครั้ง แต่ขอนำสื่อเข้าไปด้วย แต่ไม่ได้รับอนุญาต และให้นายทหารโทร.มาขอยกเลิกนัด ที่ผ่านมา มีทหาร ตำรวจ มาค้นบ้าน ซึ่งทหารได้บอกผ่านทีมงานตนว่า อยากให้กลับไปอยู่ในสังกัดพรรคเดิม ไม่ต้องไปต่อสู้โต้แย้ง กลับไปเป็นพวกเดียวกันกับรัฐบาล แต่ถ้าไปอยู่ฝ่ายเพื่อไทยเป็นเป็นฝ่ายตรงข้าม ก็เหนื่อยหน่อย
นายนคร กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ นายชวน หลีกภัย ในฐานะผู้มีบารมีในพรรค กล้าประกาศต่อสาธารณะ และกล้ายืนยันชัดๆ ไหม ว่า เลือกตั้งครั้งหน้า อย่างไรก็จะไม่เอานายกฯคนนอก ไม่เอาพวก คสช. มาเป็นนายกฯ เอาให้ชัดได้ไหม ว่าอย่างไรก็จะล้างระบอบเผด็จการด้วยกัน ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ หัวหน้า คสช. มาเป็นนายกฯ มาร่วมกันล้างมรดกบาปด้วยกัน กล้าประกาศต่อสาธารณะหรือไม่ ถ้ากล้าประกาศประชาชนจะให้โอกาสประชาธิปัตย์ รวมถึงตนจะยอมคำนับให้ แต่หากไม่กล้าประกาศ เท่ากับทรยศประชาชน มันมีอะไรแฝงถึงไม่กล้า ถ้าอ้ำๆ อึ้งๆ กั๊กๆ มันไม่แฟร์กับประชาชน แล้วเหตุผลอะไรประชาธิปัตย์บอยคอตการเลือกตั้งมาสองครั้ง แล้วทั้งสองครั้งถูกทหารยึดอำนาจทุกครั้ง อะไรมันคือคำตอบละ ประชาธิปัตย์ต่างหากที่จะต้องมาชี้แจง
นายนคร กล่าวอีกว่า ขอถามกลับไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ทำไมต้องมีการบอยคอตการเลือกตั้งถึง 2 ครั้ง และทำไมทหารจะต้องเข้ามายึดอำนาจทั้ง 2 ครั้ง มันคืออะไร ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ตนเป็นศัตรูกับระบอบเผด็จการ และเครือข่ายของเผด็จการ ตนไม่เข้าใจว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์ถึงมาเดือดเนื้อร้อนใจอะไร
“ผมขอชวนพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมกันกับฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อสู้และล้างระบอบเผด็จการ พรรคประชาธิปัตย์กล้าบอกต่อสาธารณะได้หรือไม่ว่าจะไม่เอานายกฯ คนนอก และพร้อมร่วมกันล้างมรดกบาปของ คสช. ล้างรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการชุดนี้ให้หมดไปได้หรือไม่”
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าจะไปอยู่สังกัดพรรคเพื่อไทย นายนคร กล่าวว่า ตนยอมรับว่าได้พูดคุยกับผู้ใหญ่บางท่านของพรรคเพื่อไทย แต่ยังไม่สามารถขยับอะไรได้ ซึ่งผู้ใหญ่ได้ทาบทามมายังตนว่า ถ้าเรามีอุดมการณ์เดียวกัน ก็มาร่วมต่อสู้ในวิถีทางประชาธิปไตยมาร่วมอุดมการณ์เดียวกันได้หรือไม่ โดยตนได้ตอบไปว่าถ้าเรามีอุดมการณ์เดียวกัน และต่อต้านเผด็จการ เราก็มาร่วมกันได้ อย่างไรก็ตาม หากพรรคเพื่อไทยมีการเปลี่ยนจุดยืนทางการเมือง เช่น เข้าข้างรัฐบาล หรือสนับสนุนรัฐบาล หรือสนับสนุนคนนอกเป็นนายกฯ ตนก็ไม่ขอเข้าร่วมด้วย
เมื่อถามว่า หลังจากนี้ หากมีทหารติดต่อเพื่อเชิญไปพูดคุย หรือปรับทัศนคติ พร้อมหรือไม่ นายนคร กล่าวว่า ความจริงไม่ควรมีพฤติการณ์แบบนั้นแล้ว ตนเคยถูกเชิญให้ไปปรับทัศนคติ 2 ครั้ง แต่ตนได้ขอนำสื่อเข้าไปด้วย ซึ่งเขาบอกว่าไม่ได้ และให้นายทหารโทร.มายกเลิกนัด
“ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ยอมรับว่า ได้เคยมีทหารมาตรวจค้นที่บ้านของผม ซึ่งทหารได้บอกผ่านทีมงานของผมว่าอยากให้ผมกลับไปอยู่ในสังกัดพรรคเดิม ไม่ต้องไปต่อสู้โต้แย้ง กลับไปเป็นพวกเดียวกับรัฐบาล แต่ถ้าไปอยู่ฝ่ายพรรคเพื่อไทยก็เป็นฝ่ายตรงข้ามกัน ก็เหนื่อยหน่อย”