ข่าวปนคน คนปนข่าว
** เอาไว้ไม่ได้!! พักราชการ “ผกก.หนุ่ย”หิ้วถุงชอปปิ้งตามก้น “นายปู”แต่ไม่เข็ดหลาบ ยังมีหน้าโผล่ไปอารักขา “นายแม้ว - นายปู”ถึงรัสเซีย ไม่ไว้หน้า “ประชาชนผู้เสียภาษี”ตบหน้า “ผู้บังคับบัญชา”แบบนี้ ไม่น่าจะจบแค่ “พักราชการ” ควรส่งเสริมให้ “ผกก.หนุ่ย”ไปกินเงินเดือน “พี่น้องชินวัตร”ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
ปล่อยไว้ไม่ดีแน่ .. กับพฤติกรรมของ “ผกก.หนุ่ย”พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย ผู้กำกับฝ่ายวิจัยและพัฒนา ศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ที่ดูจะไม่กริ่งเกรงความศักดิ์สิทธิ์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แม้แต่น้อย .. ทั้งที่เพิ่งสร้างเรื่อง จนถูกตั้งกรรมการสอบสวน โทษฐาน “ลาราชการ” ไปถือถุงชอปปิ้งตาม “นายปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ต้องหาหลบหนีคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่อังกฤษอยู่หลั่ดๆ .. จนถูกคำสั่งต้นสังกัด พล.ต.ต.อัตชัย ดวงอัมพร รักษาราชการแทน ผบช.ส. ระงับใบลา และเรียกตัวกลับด่วน .. ไม่กี่วันก่อน ยังมีหน้าโผล่ไปร่วมเฟรมร่วมชมการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ประเทศรัสเซีย กับ “นายปู”ที่ควง “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร สองศรีพี่น้องนายกฯ หนีคุก ขึ้นมาอีก .. หลังภาพล่าสุดหลุดออกไป ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก “กรมปทุมวัน” หรือ “สันติบาล”ว่า รอบนี้ “ผกก.หนุ่ย”ได้แจ้งลา หรือเดินทางไปจริงหรือไม่ .. ก่อนที่ “ป๋าป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กำกับดูแล สตช. ต้องออกมาอัพเดตผลสอบสวน “ผกก.หนุ่ย”ครั้งก่อนที่สรุปว่าถูก “สั่งพักราชการ”ไปแล้ว ..
ก็น่าแปลกใจว่า แล้วทำไมทาง “สันติบาล”ถึงไม่เปิดเผยผลการสอบสวนข้อเท็จจริง ที่ครบกำหนดสรุปผล ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา ทั้งที่เป็นเรื่อง “คนเด่น -คดีดัง” แท้ๆ .. กลับทำเหมือนงุบงิบ มีเลศนัยชอบกล เหมือนพบยายามช่วยกันปกปิดความผิด .. กระทั่งตำรวจใหญ่ “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ที่เคยออกมาคอมเมนต์รอบก่อน หนนี้ไม่เคยมาทวงถาม “ใบอนุญาต”อะไรกับเขาบ้างเลย .. ก็เลยไม่แน่ใจว่า คำสั่งพักราชการ “ผกก.หนุ่ย” ออกมาก่อน หรือหลังที่ปรากฏตัวที่สนามลุซนิกี สเตเดี้ยม กรุงมอสโก .. แต่ไม่ว่าออกมาก่อน หรือหลัง ก็ฟ้องชัดว่า “ผกก.หนุ่ย” ไม่เคยสำนึกในสถานะ “ตำรวจในราชการ”ที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน .. ไม่เท่านั้น ยังสะท้อนถึงความไม่เข็ดหลาบ ไม่เกรงอกเกรงใจ “ผู้บังคับบัญชาในราชการ” แม้แต่น้อย .. เป็นความผิดที่กระทำซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ราวกับเป็นเรื่องถูกต้อง .. สตช. จึงไม่ควรปล่อยให้มีบุคลากรแบบนี้อยู่ในองค์กร ที่รังแต่จะทำให้ภาพลักษณ์องค์กรติดลบ .. บทสรุปจึงไม่ควรอยู่แค่ “พักราชการ” และควรสนับสนุนส่งเสริมให้ “ผกก.หนุ่ย”ไปกินเงินเดือน “พี่น้องชินวัตร”ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า
**ลิงแก้แห ยิ่งแก้ยิ่งเละ!! อุ้ม LPG ครัวเรือนแค่เดือนเศษ กองทุนก๊าซฯ ล้มละลาย ต้องไปชักกองทุนน้ำมันฯมาหมุนก่อน “ธีระชัย”สับไม่ต่าง “ลิงแก้แห” แทนที่จะย้อนกลับไป รื้อนโยบายอิง “ราคาตลาดโลก”ที่ผิดพลาด เลือกใช้ประชาชนเป็น “ตัวประกัน”ประเคนผลประโยชน์ให้ “นายทุนโรงแยกก๊าซ”
ไม่ทันขาดคำ .. เพิ่งทักไปหยกๆ เรื่องมาตรการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม LPG ภาคครัวเรือน ที่ทำให้ “กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในบัญชี LPG” เข้าสู่ภาวะ “ถังแตก” .. ทั้งที่เพิ่งเริ่ม “อุ้ม”ราคาต่อถัง (ขนาด 15 กิโลกรัม) ไว้ที่ 363 บาท เมื่อปลายเดือนพ.ค.นี่เอง แค่เดือนเศษปรากฏว่า “กองทุน LPG” ติดลบไปแล้ว 117 ล้านบาท .. ถือเป็นการ “ติดลบ”ครั้งแรก หลังจากที่มีการแบ่งบัญชี บ่งบอกว่า เป็นการใช้เงินที่ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ .. จนล่าสุดต้อง “แอบ” ไปชักเงินจากกองทุนน้ำมันฯ ที่มีเงินสะสมราว 3 หมื่นล้านบาท มา “หมุน”กันก่อน โดยที่ประชุม กบง.ที่ ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน นั่งเป็นประธานเอง เคาะมาให้เบื้องต้น 3 พันล้านบาท .. หากยังดำเนินนโยบายเดิม ก็คงทู่ซี้ไปได้อีกหลายเดือน จากที่คะเนว่า ต้องใช้ตกเฉลี่ยเดือนละ 350 ล้านบาท อาจจะลากไปได้ถึงช่วงเลือกตั้งนู่น .. จริงอยู่ การพยุงราคา LPG ครัวเรือน ไว้ที่ 363 บาท คงไม่มีใครคัดค้าน เพราะเป็นการแบ่งเบาภาระประชาชน ไม่ซ้ำเติมค่าครองชีพให้มากกว่าที่เป็นอยู่ .. แต่ก็ต้องยอมรับความจริงอีกเช่นกันว่า ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง และไม่ใช่แนวทางที่ยั่งยืน .. ที่สำคัญต้องไม่ “ย่ามใจ” ว่ากองทุนน้ำมันฯ มีเหลือเฟือ เพราะครั้งหนึ่งในอดีตเคยติดลบไปถึง 8 หมื่นล้านบาท ถ้าเกิดขึ้นอีกจะเอาเงินที่ไหนมาอุ้ม ..
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง เคยชำแหละเรื่องนี้ไว้จนปากเปียกปากแฉะ และดักทางไว้อยู่แล้วว่า ต้องเข้าอิหรอบ “ลิงแก้แห” ไปเรื่อยๆ แบบนี้ .. แทนที่จะย้อนกลับไป รื้อนโยบายที่ผิดพลาด แทนที่จะย้อนกลับไปใช้เพดานดังเดิม .. เลือกใช้มาตรการฉาบฉวย ใช้เงินกองทุนน้ำมันฯที่เป็นเงินประชาชนล้วนๆ มาอุดหนุน .. เหตุเพราะรัฐบาลนี้ตัดสินใจยกเลิกเพดานราคา ที่รัฐบาลในอดีตตั้งไว้คุ้มครองภาคครัวเรือน ที่ไม่เกิน 333 ดอลล่าร์ต่อตัน หันมาใช้การอ้างอิง “ราคาตลาดโลก” แทน .. กลายเป็นไม่กี่เรื่องดีๆ ในอดีต ที่รัฐบาลชุดนี้มาฉีกทิ้งหน้าตาเฉย .. ก่อให้เกิด “ค่าใช้จ่ายเทียม”ทั้งค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ค่าสูญเสีย ค่าจอดรอ ค่าอากรนำเข้า ต่างๆ นานา ทั้งที่ผลิตได้เองอยู่ที่ “ศรีราชา”นี่เอง .. และทั้งๆ ที่ “ก๊าซในอ่าวไทย”สามารถครอบคลุมก๊าซหุงต้มสำหรับครัวเรือนได้ทั้งหมด .. แทนที่จะทำให้ก๊าซ ซึ่งเป็นทรัพยากรของคนไทยทั้งประเทศ ตกเป็นประโยชน์แก่ประชาชน กลับกลายเป็นช่องประเคนผลประโยชน์ให้ “นายทุนโรงแยกก๊าซ”โดยใช้ประชาชนเป็น “ตัวประกัน” ซะอย่างนั้น.
** ปฏิญญาชักดาบ!! กลุ่มคนอ้างตัวเป็น “ข้าราชการครู”ประกาศขอพักหนี้ ช.พ.ค. ตลอดไป ทั้งที่ “รัฐบาล - ธ.ออมสิน”ออกมาตรการอุ้มแล้วอุ้มอีก แต่ก็ยังมีประเภท “หนี้เน่า”มาตลอด แล้วจู่ๆจะมา “เบี้ยวหนี้ - ชักดาบ”อย่างไร้ความละอาย เจอสวดไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ จะมีหน้าไปสั่งสอนลูกศิษย์ที่ไหน
กลายเป็นขี้ปากชาวบ้านทันควัน .. เมื่อปรากฏกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวเป็น “ข้าราชการครู”หลายสิบชีวิต ร่วมกันประกาศ “ปฏิญญามหาสารคาม” ลงวันที่ 14 ก.ค.61 .. สาระมีเพียง 2 ข้อ หนึ่ง ขอให้ “รัฐบาล -ธนาคารออมสิน” พักหนี้ “โครงการ ช.พ.ค.”ทุกโครงการตั้งแต่ วันที่ 1 ต.ค. 61 เป็นต้นไป .. และสอง “ลูกหนี้ ช.พ.ค.”จำนวน 4.5 แสนราย จะดำเนินการยุติการชำระหนี้กับ “ธนาคารออมสิน”ตั้งแต่ วันที่ 1 ส.ค.61 เป็นต้นไป .. “โครงการ ช.พ.ค.” ที่ถูกกล่าวถึงในคลิป คือ โครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) .. ซึ่งเป็นสวัสดิการเงินกู้แก่บุคลากรการศึกษา ที่ “กระทรวงศึกษาธิการ”ทำข้อตกลงกับ “ธนาคารออมสิน”ในการออกเงินกู้เพื่อไป “โปะ”หนี้สินแหล่งอื่นเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน .. เวลาผ่านไปก็มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดปลีกย่อย “เงินกู้ ช.พ.ค.”จนอาจไม่ตรงกับชื่อไปแล้ว เข้าใจง่ายๆ ก็คือ “สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ” ของ “ข้าราชการครู” ที่โดยมากนำไปใช้จ่ายส่วนตัว นั่นเอง .. จนถึงปัจจุบันมีลูกหนี้อยู่ถึง 4.5 แสนราย ทั้งที่อยู่ในราชการ และที่เกษียณไปแล้ว มูลหนี้รวมแล้วกว่า 4 แสนล้านบาท ..
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็เกิดปัญหา “หนี้ด้อยคุณภาพ”ค่อนข้างมาก รัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาฯ ต้องออกมาตรการช่วยเหลืออยู่เนืองๆ .. ขนาด “เจ้าหนี้”ธนาคารออมสินเองก็ยังเคยควักเนื้อจ่ายหนี้แทนลูกหนี้ที่ค้างชำระบางส่วนด้วยซ้ำ .. ล่าสุด คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ก็เพิ่งเจรจากับธนาคารออมสิน เปิดโครงการปรับโครงสร้างหนี้ และลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อช่วยเหลือข้าราชการครู .. ปรากฏว่า มีผู้แจ้งความจำนงค์เข้าโครงการไม่ถึง 1% แล้วจู่ๆ ก็มีคนอ้างตัวเป็น “ข้าราชการครู”ประกาศ “ปฏิญญาชักดาบ”ขอ “พักหนี้ตลอดไป” ออกมา .. ขนาด นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ยังส่ายหัว มองว่าเป็นแค่ประกาศของ “คนกลุ่มหนึ่ง”ที่ยังไม่รู้ว่าเป็นครู จริงหรือไม่ พร้อมทั้งเชื่อว่า ไม่มีใครทำตามแน่ .. ปฏิญญาที่ว่ายังสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมในวงกว้าง ว่า “ข้าราชการครู”ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ “ลูกศิษย์” ในทำนอง มีหนี้ก็ต้องจ่ายหนี้ ไม่ใช่มาหาเรื่อง“ชักดาบ”อย่างไม่ละอายแก่ใจเช่นนี้ .. กลายเป็นอีกความอัปยศของ “วงการครู”ที่ควรจะเป็นที่เคารพนับถือ แต่กลับไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ ยังจะมีหน้าไปสั่งสอนใครเขาได้.
ช.ชฎา